ศบค.เผยฉีดวัคซีน นร.- นศ.แล้ว 150,190 คน ยันวัคซีนมีเพียงพอเตรียมกระจายอีกสัปดาห์นี้ 1.5 ล้านโดส แจงอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมหลังฉีดวัคซีน mRNA 1-2 ปี ส่งผลสุขภาพร้ายแรง
วันนี้ (8 ต.ค.) เวลา 12.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ว่า จังหวัดที่จะมีการเปิดเป็นพื้นที่สีฟ้า เพื่อรองรับการท่องเที่ยวการเดินทาง ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ เลย ชลบุรี บุรีรัมย์ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา ภูเก็ต และ กระบี่ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ในกลุ่มประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง รวมถึงหญิงตั้งครรภ์จะฉีดวัคซีนให้ถึง 80% โดยจะเริ่มในอำเภอนำร่องของจังหวัดเหล่านี้ ส่วนการฉีดวัคซีนในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาอายุ 12-17 ปีที่มีการคิกออฟฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 4-7 ต.ค.มีรายงานว่า เข็ม 1 จำนวน 150,190 คน ซึ่งขอให้แต่ละจุดที่ฉีดวัคซีนจะต้องมีการรายงานเข้าระบบ อย่างต่อเนื่อง เพราะบางจุดรายงานยังไม่ครบถ้วน
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในช่วงนี้มีข่าวปลอมในโซเชียลมีเดียที่ให้ข่าวว่าวัคซีน mRNA อาจจะส่งผลอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพใน 1-2 ปี หลังจากการฉีด ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงวัคซีนมีการศึกษาวิจัยตามมาตรฐานและประเทศผู้ผลิตมีการฉีดกันไปมากฉะนั้นไม่มีทางที่จะก่อผลอันตรายในเชิงนั้นได้ เรามีการศึกษาตรวจสอบเอกสารต่างๆ เป็นอย่างดี จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอให้ติดตามข้อมูลจากแหล่งข้อมูลจากทางราชการที่มีความน่าเชื่อถือ ส่วนในบางพื้นที่บอกว่าได้รับแจ้งว่ามีนักเรียนแจ้งว่ามาฉีดวัคซีนแล้ว ได้รับแจ้งให้กลับไม่ได้ฉีดนั้น ยืนยันว่า วัคซีนสำหรับนักเรียนมีความเพียงพอ ในส่วนของการจัดส่งในรอบแรกที่จัดออกไป 1.8 ล้านโดส พื้นที่ต่างๆ แจ้งความจำนงเข้ามา 3.6 ล้านคน และเมื่อวัคซีนลงไปแล้วมีการจัดการตามแผนและทยอยฉีด ซึ่งในสัปดาห์นี้มีการกระจายออกไปอีก 1.5 ล้านโดส ฉะนั้น จะมีการทยอยกระจายวัคซีนลงไปเรื่อยๆ ขอให้มั่นใจว่าการจัดการในพื้นที่ บางครั้งอาจจะมีการนัดหมายมาเป็นลำดับ ตามความเหมาะสม และความพร้อมอาจจะไม่ได้ฉีดพร้อมกันทั้งหมดทุกคนได้ภายในวันหรือสองวัน หรือในเวลาสั้นๆ ยืนยันว่าวัคซีนมีเพียงพออย่างแน่นอน
นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า ในเรื่องการฉีดวัคซีนของนักเรียนไม่ใช่เงินไขที่จะไปกำหนดว่าเปิดหรือไม่เปิดโรงเรียนเพราะมาตรการสำคัญได้มีการกำหนดแนวทางไว้แล้วชัดเจนว่าจะอยู่ที่โรงเรียนทำมาตรการได้ครบถ้วนแล้วหรือไม่ ซึ่งมาตรการดังกล่าวกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้พูดคุยกันและจัดทำเป็นแนวทางไว้แล้ว โดยสิ่งแวดล้อมจะต้องมีอากาศถ่ายเทที่ดี กิจกรรมที่นักเรียนจะต้องไม่มีการรวมกลุ่ม ไม่มีการจัดแข่งขันกีฬา รวมถึงการให้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา นอกจากนี้ บุคลากรของโรงเรียนจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ 100% สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะใช้ประกอบในการพิจารณาเปิดโรงเรียน ไม่ใช่เรื่องการฉีดวัคซีนได้เท่าไหร่ แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องการบริหารจัดการในพื้นที่ และดูรายละเอียดว่ามาตรการดำเนินการได้ดีแล้วหรือไม่