ศบค.เผย ตวจ.ตัวเลขติดโควิดลดลง-ชายแดนใต้ยังน่าห่วง พบคลัสเตอร์ ร.ร.นายสิบ-ล้งผลไม้-งานศพ “จันทบุรี-สงขลา” งดจัดเลี้ยง-ทานอาหาร กำชับจังหวัดเข้มเทศกาลกินเจ
วันนี้ (29 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด แต่ทิศทางในพื้นที่ต่างจังหวัดตัวเลขยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ ศบค.เป็นห่วงและยังคงมีการรายงานต่อเนื่อง คือ ชายแดนใต้ที่ยังมีทิศทางที่สูงขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขสรุปให้เห็นภาพ ว่า ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยอายุน้อย คือ 20-49 ตีแตกกลุ่มที่มีอาการป่วยหนักและเสียชีวิตเป็นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมทั้งมีโรคประจำตัวก็คงต้องเน้นย้ำที่จะต้องเฝ้าระวังการสัมผัสใกล้ชิดที่ทำให้คนวัยแรงงาน วัยหนุ่มสาว ที่อาจจะติดเชื้อไม่มีอาการ ไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่มีโรคประจำตัวก็อาจจะทำให้บุคคลในกลุ่มนี้ป่วยหนักและเสียชีวิต ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ให้เร่งระดมการฉีดวัคซีนให้ได้ในกลุ่มเป้าหมาย
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า กรมควบคุมโรค รายงานว่า การติดเชื้อยังอยู่ในชุมชนที่มีการรวมกลุ่ม เช่น มีการรายงานอีกโรงเรียนนายสิบ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหลายจังหวัดยังมีการรายงานการติดเชื้อในล้งผลไม้ ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูกาลผลไม้ มีคนงานไปเก็บผลไม้ และมีแรงงานต่างด้าวเกิดการสัมผัสใกล้ชิด รวมทั้งโรงงานและขอเน้นย้ำทุกจังหวัด เนื่องจากมีรายงานอย่างต่อเนื่อง คือ งานศพ โดยในวันเดียวกันนี้ มีรายงานที่จังหวัดจันทบุรี และ จังหวัดสงขลา ขอให้ผู้จัดรักษามาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด งดการจัดเลี้ยง การรับประทานอาหารร่วมกัน เพราะจะเป็นจุดอ่อน เนื่องจากต้องเปิดหน้ากากอนามัย ขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำกับติดตามและกวดขันให้ทุกงานศพให้มีการเฝ้าระวังมาตรการสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ในวันที่ 4 ต.ค.เป็นเทศกาลถือศีลกินเจ เน้นย้ำให้จังหวัดตรวจสอบมาตรการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะโรงเจ ผู้ประกอบการจะต้องมีการจัดสถานที่อย่างเหมาะสม และมีมาตรการเฝ้าระวังการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด เพื่อให้โรงเจปลอดโควิด โดยให้พนักงานฉีดวัคซีนมีการตรวจหาเชื้อ ATK เพื่อความปลอดภัยของผู้ไปร่วมงาน ทั้งนี้ จะต้องทำการปรับทั้งทางผู้ประกอบการ ผู้จัดงานหรือประชาชน ต้องช่วยกันร่วมคิดร่วมสร้างจัดงานวิถีใหม่ทั้งงานศพ งานประเพณี งานแต่งและงานบวช ส่วนหนึ่งในระยะยาว คงไม่สามารถรอให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ได้ จึงจะจัดงานได้ แต่จะต้องมาหาวิธีว่าจะจัดอย่างไรที่จะยังคงวัฒนธรรมประเพณีไว้ แต่ขณะเดียวกัน จะต้องปลอดภัย ทั้งเจ้าภาพและแขกผู้มาร่วมงานด้วย จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายที่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้กับวิถีชีวิตแนวใหม่
