ทีมโฆษก ศบค. เผย ทิศทางติดเชื้อโควิดลดลง 1-2 สัปดาห์ทรงตัว ขอคงเตียงไว้เหมือนเดิม รองรับหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง เน้นย้ำ ร.ร.ทหาร มีศูนย์ฝึก-หน่วยฝึก เข้มงวด หลังพบเป็นคลัสเตอร์ใหม่
วันนี้ (17 ก.ย.) เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงว่า การเปรียบเทียบผู้ติดเชื้อ หากเปรียบเทียบกับกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งอยู่ที่ 37 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัด 71 จังหวัดรายงานเป็นสีเขียว ซึ่งจะเห็นว่าทิศทางเป็นไปในทางที่ลดลง แต่ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ค่อนข้างทรงตัว ซึ่งยังอยากที่จะเห็นตัวเลขลดลงกว่านี้ ซึ่งสิ่งสำคัญในหลายจังหวัดมีการปรับเตียง เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น โดยที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศปก.ศบค.) เน้นย้ำว่า เมื่อมีการปรับลดเตียง ยังขอให้ลงเตียงระดับหนักระดับเหลือง และระดับแดงไว้ เพราะยังมีความจำเป็นในการเตรียมสถานการณ์รองรับหากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่จำนวน 10 อันดับจังหวัดแรก ประกอบด้วย กรุงเทพฯ 2,911 ราย สมุทรปราการ 1,110 ราย ชลบุรี 935 ราย ระยอง 636 ราย ราชบุรี 501 ราย ยะลา 444 ราย สมุทรสาคร 387 ราย ปราจีนบุรี 367 ราย นครศรีธรรมราช 354 ราย และ สระบุรี 329 ราย ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจ คือ กรมควบคุมโรครายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อในกลุ่มจังหวัดที่อาจจะไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับจังหวัดแรก แต่มีลักษณะการรายงานไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อคล้ายกัน เช่นจังหวัดเชียงใหม่ การติดเชื้อพบในกลุ่มจัดงานเลี้ยงวงเหล้า รวมทั้งการสังสรรค์ ในสถานที่ราชการ เช่น ในสำนักงานการไฟฟ้า ที่จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งวงดื่มน้ำกระท่อม การจัดเลี้ยง รวมกลุ่ม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คลัสเตอร์โรงเรียนนายสิบ มีผลบวกพบติดเชื้อโควิด 62 ราย จังหวัดชลบุรี 2 คลัสเตอร์ คือ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ และกำลังพลนายเรือ จังหวัดเพชรบุรีและสระบุรี แคมป์คนงานก่อสร้าง และจังหวัดจันทบุรี คลัสเตอร์ตลาด
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ จะสะท้อนให้เห็นว่าแม้จังหวัดเหล่านี้บางจังหวัดไม่ได้ติดอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) และไม่ได้ติดอันดับ 10 จังหวัดแรกแต่จะต้องจับตาและเฝ้าระวัง เพราะการรวมกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นคนใกล้ชิด และคนคุ้นเคยมีการเลี้ยงสังสรรค์ การพบปะกัน อาจจะมีการรับประทานอาหารและเปิดหน้ากากอนามัย ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ศปก.ศบค.จึงได้มีการหารือโดยเน้นย้ำไปที่โรงเรียนประจำ ซึ่งอาจจะไม่ใช่โรงเรียนประจำทั่วไป หมายรวมถึงโรงเรียนทหาร ที่มีศูนย์ฝึกและหน่วยฝึกต่างๆ นักเรียนอาจจะอยู่กินนอนในโรงเรียนประจำแต่ครูหรือบุคลากรที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนเหล่านี้อาจจะเป็นผู้ที่เดินทางเข้าและออกจึงจะต้องฝากเน้น เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ซึ่ง ผอ.ศบค.เน้นย้ำในที่ประชุมสภากลาโหมไปยังผู้บัญชาการเหล่าทัพเสมอว่าขอให้มีการกวดขันมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด