วันนี้(18 ก.ย.)จากกรณีบริษัท สยามเนสท์ 2022 จำกัด ชนะการประมูลสัมปทานรังนก ครั้งที่ 9 ในราคา 400 ล้านบาท แต่หลังจากบริษัทร่วมกับคณะทำงานของคณะกรรมการรังนกฯ ลงพื้นที่เก็บรังนกภายในถ้ำทั้งหมดกลับพบว่ามีร่องรอยการขโมยรังนกในระหว่างที่มีการดูแลโดยเจ้าหน้าที่ อีกทั้งในการขโมยยังใช้วิธีจุดไฟในถ้ำส่งผลให้ลูกนกในรังกว่า 1 ล้านตัวตายทั้งหมด จึงเท่ากับการตัดวงจรชีวิตนกไป 1 ปี ทั้งนี้ มีการประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งระบบว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นายธวเดช ภาจิตรภิรมณ์ หัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ กล่าวว่า เกาะรังนก จังหวัดพัทลุง ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่คือมรดกทางทรัพยากรอันเป็นต้นทุนวิถีชีวิตที่อยู่คู่กับชาวพัทลุงมานาน อย่างน้อยที่สุดคือปรากฏข้อความ ‘รังนก’ บนแผนที่พืชผลที่สำคัญของประเทศไทยในสมัยรัชาลที่ 7 แทนสัญลักษณ์ของจังหวัดพัทลุง และเป็นอัตลักษณ์ความภาคภูมิใจทางวัฒนธรรมอันมาจากวิถีชีวิตที่ถูกนำไปเป็นสัญลักษณ์บนอกเสื้อทีมฟุตบอลประจำจังหวัดพัทลุง จนมีฉายาว่า ‘อิแอ่นเหินฟ้า’ อีกทั้ง การทำธุรกิจสัมปทานรังนกในแต่ละรอบ ยังสามารถนำรายได้เข้าประเทศได้มหาศาล ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นความเสียหายร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำดังกล่าวน่าจะอยู่ในช่วงที่มีเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลเกาะรังนกอยู่ เรื่องนี้จึงมีลักษณะของการทำเป็นขบวนการใหญ่ มีเบื้องหลังไม่ธรรมดา เยาะเย้ยท้าทายกฎหมาย และเหยียบย่ำบนความรู้สึกของคนใต้โดยเฉพาะชาวพัทลุงเป็นอย่างมาก จึงขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องติดตามอย่างถึงที่สุดเพื่อเอาคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้ทั้งคนที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง
“ดังที่ประเมินกันเบื้องต้นเฉพาะด้านเศรษฐกิจคาดว่าเสียหายทั้งระบบมากกว่า 5,000 ล้านบาท แต่ยังมีสิ่งที่น่ากังวลกว่านั้นคือ การทำลายนิเวศหรือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการอาศัยและเติบโตของนกนางแอ่นตามรอบฤดูกาล อย่างต่ำคือตัดวงจรไปหนึ่งปี แต่ก็อาจเสียหายร้ายแรงกว่านั้นเพราะการที่ลูกนกหายไปปีเดียวนับล้านตัวถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาในธรรมชาติ จึงน่ากังวลว่าจะส่งผลต่อประชากรนกอย่างไรบ้าง และจะส่งผลต่อการโยกย้ายเปลี่ยนถิ่นฐานของนกเพราะรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยหรือไม่ หากเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นจะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับชาวพัทลุงและประเทศไทยที่จะต้องสูญเสียต้นทุนทรัพยากรที่สามารถสร้างเศรษฐกิจได้เพราะความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของบางคนบางกลุ่ม”
ทั้งนี้ นายธวเดช กล่าวว่า ธุรกิจรังนกมีความเกี่ยวพันอย่างยิ่งกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนเก็บรังนก จะต้องคำนึงถึงความยั่งยืนในอนาคต การดูและต้องควบคุมดูตรวจสอบอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การเก็บรังเป็นรังร้างที่นกทิ้งไปแล้วเท่านั้น จะต้องไม่สนับสนุนให้เกิดธุรกิจรังนกสีเลือดอย่างที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันอาชีพเก็บรังนกถือว่ามีความเสี่ยง ควรมีการเข้าไปช่วยเหลือดูแลด้านสวัสดิภาพให้เหมาะสม สมกับที่เป็นธุรกิจพันล้าน ไม่ใช่การกดขี่เอาเปรียบแรงงาน
นอกจากนี้ ตนขอสนับสนุนแนวคิดการกระจายอำนาจ เพื่อให้ในอนาคตท้องถิ่นหรือจังหวัดสามารถเก็บภาษีโดยตรงจากธุรกิจรังนกได้ คือมีส่วนในการได้รับประโยชน์และการควบคุมดูแล เพราะรายได้จากภาษีที่เข้าท้องถิ่นโดยตรงจะเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ท้องถิ่นมีทุนในการพัฒนาพื้นที่ได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สุขภาพ คมนาคม ศิลปวัฒนธรรม การกีฬา หรืออื่นๆ และเมื่อคนท้องถิ่นรู้สึกว่านี่เป็นทรัพยากรของเขาที่เขาได้รับประโยชน์ เป็นต้นทุนทางสังคมและวัฒนธรรมของเขาที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นการพัฒนาอนาคตได้ เขาจะรัก หวงแหน และช่วยกันดูแลต้นทุนนี้อย่างเต็มที่ ด้วยความภาคภูมิใจจริงๆให้สมดังที่เอา ‘อิแอ่นเหินฟ้า’ เป็นสัญลักษณ์แห่งการพุ่งทะยานไปสู่ความสำเร็จปักไว้บนอกเสื้อทีมฟุตบอลประจำจังหวัด