ว่าที่ผู้สมัคร? ส.ส.พรรคกล้า? เขตสวนหลวง? ขอบคุณที่รัฐบาลใส่ใจปัญหา ‘ขยะติดเชื้อ’ เดินหน้าหามาตรการรองรับ

วันนี้(18 ก.ย.)นายอริย์ธัช​ ชาติอาริยะพงศ์​ ว่าที่ผู้สมัคร​ ส.ส.พรรคกล้าเขตสวนหลวง-ประเวศ ​ระบุว่า​ ช่วงที่ผ่านมา ตนพยายามสื่อสารเรื่องการจัดการขยะติดเชื้อมาหลายครั้ง เพราะเป็นห่วงว่าอาจกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ที่ซ้ำสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะเมื่อมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น จำนวนขยะติดเชื้อก็จะเพิ่มขึ้นตามมาเป็นเท่าตัว หากจัดการขยะเหล่านี้ไม่ดีก็อาจเป็นต้นเหตของการระบาดได้ ซึ่งตอนนี้มีสัญญาณที่ดี เนื่องจากความห่วงใยที่ตนกล่าวถึงนี้กำลังถูกจัดการโดยรัฐบาล ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข เตรียมออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ‘วิธีการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อด้วยวิธีอื่น พ.ศ. 2564’ เพื่อปลดล็อกให้สามารถนำขยะติดเชื้อไปกำจัดในสถานที่ที่สามารถทำลายได้ โดยมีข้อกำหนดว่าต้องเป็นเตาที่มีความร้อนในอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 760 องศาเซลเซียสและสามารถทำลายอากาศเสียที่เกิดขึ้นด้วยความร้อนในอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ซึ่งศักยภาพแบบนี้ก็มีโรงงานกำจัดของเสียอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าขยะชุมชนหลายแห่ง เพียงแต่เดิมมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่กำหนดให้โรงงานเหล่านี้กำจัดเฉพาะขยะของโรงงานตัวเองเท่านั้น แต่เมื่อปลดล็อกตรงนี้ขยะติดเชื้อก็จะสามารถนำไปจัดการในสถานที่ที่มีอยู่แล้วได้ทันทีโดยไม่ต้องสร้างเตาเผาขยะติดเชื้อเพิ่มซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณ

นายอริย์ธัช กล่าวต่อว่า เมื่อเป็นแบบนี้ขยะเชื้อรอการกำจัดที่ยังตกค้างในสถานที่รับกำจัด 5 แห่ง จำนวน 1,500 ตัน และที่จะมีมากขึ้นอีกในอนาคตจะถูกนำไปจัดการอย่างถูกต้องและรวดเร็ว ผมคิดว่าเป็นการทำงานอย่างปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาโดยอาศัยการทำงานแบบร่วมมือกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนที่น่าชื่นชม ไม่ต้องรอให้ปัญหาเกิดขึ้นก่อนจึงค่อยจัดการซึ่งการแก้ปัญหาภายหลังจะยากกว่ามาก

“การจัดการปัญหาตั้งแต่ต้นทางยังคงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการกำจัดขยะติดเชื้อดังกล่าวจะทำได้กับขยะที่ถูกแยกออกมาอย่างชัดเจนแล้วเท่านั้น ส่วนใหญ่คือขยะที่จัดการอย่างถูกต้องในสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนาม แต่ขยะติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ในครัวเรือนจะไม่สามารถจัดการได้เลย หากไม่มีการแยกขยะชนิดต่างๆที่ชัดเจน จึงขอฝากเรื่องนี้อีกเรื่องหนึ่งในการรณรงค์และหาทางสนับสนุนการแยกขยะแต่ละประเภทให้ประชาชนสามารถทำได้ง่าย ซึ่งการแยกขยะไม่ได้เป็นประโยชน์แค่ด้านสาธารณสุขเท่านั้น แต่จะมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่มนุษยชาติในศตวรรษนี้กำลังเผชิญอยู่​“นายอริย์ธัช​ กล่าว