ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เสียงจากป่าของพี่ใหญ่...“ตู่” มันสร้างภาพ!! และ “เออ” ธรรมนัส ยังเป็นเลขาฯ 3 ข้อบ่งชี้ 3 ป.นี่หรือคือรักกัน??
กรณีความสัมพันธ์ระหว่าง “พี่น้อง 3 ป.” ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ - พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังรักกันดี ตามที่ “น้องตู่” เกาะแขนประคอง “พี่ป้อม” โชว์สื่อวันก่อน
พร้อมสำทับด้วยคำพูดว่า “ไม่มีวันทะเลาะกัน แค่เห็นหน้าก็รู้ใจ” คล้ายๆ จะเคลียร์ “สภาพ” รักร้าวลึกแตกหักกันนั้น แท้จริงแล้ว...เป็นเรื่อง “จริงใจหรือไก่กา”
อันว่า “รักของ 3 ป.” ที่ต้องพิสูจน์นี้ วิญญูชนทั้งหลาย มาลองไล่เรียงดู “ข้อบ่งชี้” ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วค่อยคิดพิจารณาหาคำตอบกันเป็นไร
มาเริ่มจากข้อบ่งชี้ที่หนึ่ง มติ “ป.ป.ช.” ที่มีต่อ “2 ป.”
8 มิถุนายน 2564 ป.ป.ช. มีมติ 9 ต่อ 0 แจ้งข้อกล่าวหา “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายนายกฯตู่ แจงทรัพย์สินเท็จ
ว่ากันว่า มติของ ป.ป.ช.ต่อ “น้องติ๊ก” ดอกนี้สะเทือนภาวะผู้นำของ “พี่ตู่” และความรักของพี่ที่มีต่อน้องสายเลือดเดียวกันเป็นที่เข้าใจได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะคิดอย่างไร
8 กันยายน 2564 ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ คดี “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะ “มท.1” รมว.มหาดไทย กับพวก 6 ราย ลงนามในคำสั่งอนุมัติให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในเครือ “กระทิงแดง” ใช้ที่ดินสาธารณะที่ขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนเพื่อขยายเขตโรงงาน
เรื่องนี้มาเงียบๆ ซึ่งเป็นจังหวะที่ “น้องตู่” เช็กบิล “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ “มาดามแหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ปลดออกจาก รมช. ทั้งที่เป็นคนของ “พี่ใหญ่ป้อม”
และ...บังเอิ๊ญ บังเอิญ ที่แอกชันการเคลื่อนไหวของ ป.ป.ช.เกี่ยวข้องกับ พี่น้อง 2 ป. พล.อ.ประยุทธ และ พล.อ.อนุพงษ์ ที่เตรียมสร้าง “พรรคใหม่” เพื่ออุดช่องว่าง "ขาลอย" ให้ “น้องตู่” แต่กลับไม่เห็น “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร อยู่ในสายตา
นี่จึงมาตามดู ข้อบ่งชี้ที่สอง ว่าด้วย “การด้อยค่าพี่ใหญ่” ระหว่างก่อนและหลังศึกซักฟอกรัฐบาล
30 สิงหาคม 2564 พบว่า ระหว่างการประชุม ส.ส.แกนนำ รัฐมนตรี และ ส.ส.พปชร.บางส่วนที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้อ่านข้อความในไลน์ ซึ่งเป็นคำถามของ “น้องตู่” ส่งมาถึง ให้ทุกคนได้ฟัง “ทำไม ส.ส.ถึงไม่สนับสนุนผม มีเหตุผลอะไร ผมผิดอะไร แล้วถ้าจะไม่สนับสนุน จะหาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมทำงานเหนื่อยขนาดนี้ แล้วจะให้ใครมาเป็น”
มีคำถามว่า ระหว่างคนรักกันอย่าง 3 ป. “พี่ป้อม” กับ “น้องตู่” ที่ว่า มองหน้าก็รู้ใจ ทำไมต้องสื่อสารส่งข้อความทางไลน์กัน ระดับนี้คุยกันตัวต่อตัว หรือยกหูโทรหากันไม่ง่ายกว่าหรือ?
7 กันยายน 2564 มีรายงาน หลังประชุม ครม. 3 ป.ปิดห้องคุยกัน เชื่อได้ว่า เป็นเรื่องปลด ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล คนของพี่ใหญ่ โดย น้องตู่ ใชัอำนาจของนายกฯ จน “พี่ใหญ่” ถึงกับว้ากลั่นห้อง แต่สุดท้ายก็นำมาสู่การปลด “2 รมช.” ในเวลาต่อมา
ว่ากันว่า วันนั้นหลังการปิดห้องคุยที่ใช้เวลา 20 นาที ขากลับ “คณะลุงตู่” เดินฝ่า “คณะลุงป้อม” โดยไม่หยุดทักทาย หรือกอดแขนประคองส่งขึ้นเหมือนเคย โดยมีสายตาหลายคู่ที่อยู่ตรงนั้นมองออกแหละว่า “ผิดปกติ” เกิดความหมางเมินกันระหว่าง “พี่ใหญ่-น้องเล็ก”
กระทั่ง “น้องตู่” คิดไดั จึงย้อนมาแสดงภาพความรักกันดีโขว์ออกสื่อเมื่อวันก่อน
แต่...เดี๋ยวก่อน แว่วว่า ต่อหน้าสื่อ “ลุงป้อม” ไม่ปริปากกับสื่อสักคำ แต่เมื่อกลับเข้า “ป่ารอยต่อ” ความอัดอั้นตันใจก็ถูกระบายออก มีคนหูดีได้ยินเสียง “เจ้าป่า” บ่นดังๆ ว่า งานนี้ “ไอ้ตู่มันสร้างภาพ” ลอยมาตามสายลม
นี่ย่อมเป็นต่อหน้าธารกำนัลคนเป็นผู้ใหญ่ย่อมสะกดกลั้นข่มอารมณ์เอาไวัถึงที่สุด
ต่อเนื่องจากตรงนี้ มาถึง ข้อบ่งชี้ที่สาม “พปชร.และ อนาคตของธรรมนัส-นฤมล”
ฟังว่า ในวันพุธที่ 15 ก.ย.นี้ เวลา 08.30 น. พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค จะเป็นประธานการประชุม ส.ส.พรรค พปชร. ที่ห้องพรรค พปชร.ชั้น 6 อาคารรัฐสภา ตึกสุริยัน โดย ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะเลขาธิการพรรคจะเข้าร่วมประชุมด้วย
ขณะที่ “แหม่ม-นฤมล” เหรัญญิกพรรค ที่เก็บตัวนิ่งเงียบหลังถูกปลดออกจากตำแหน่ง รมช.แรงงาน นั้น พบว่า ปัจจุบันยังคงทำงานใกล้ชิด “ลุงป้อม” อยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรการ เอกสาร ตลอดจนงานประชาสัมพันธ์
ส่วนโครงสร้างการบริหารพรรค “หัวหน้าป้อม” ยืนยันว่า ยังจะนั่งเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม ท่ามกลางข่าวปล่อยด้อยค่า ที่ว่า 2 ป. “น้องตู่-น้องป๊อก” จะจับมือกันเข้ามายึดพรรค แทนที่ “พี่ใหญ่”
พร้อมๆ กับการจะยังเป็นหัวหน้าพรรค ตำแหน่งเลขาธิการพรรคยังจะเป็น “อ้ายนัส เมืองพะเยา” คนเดิม ที่ลุงป้อมพูดสั้นๆ ว่า “เออ!”
สัญญาณนี้แรงกว่า 5G ที่บ่งชี้ว่า “ธรรมนัส-นฤมล” ยังคงเป็น “ลูกรัก” ของ “ลุงป้อม” และ จะยังอยู่เป็น “หอกข้างแคร่” ให้ “ลุงตู่ -ลุงป๊อก” กระอักกระอ่วนต่อไป
และแน่นอนว่า ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ “ค่ายพลังประชารัฐ” จากนี้ไป “ลุงป้อม” จะกระชับอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พวกนักการเมืองที่ไปสวามิภักดิ์ “ลุงตู่-ลุงป๊อก” เชื้อเชิญมายึดพรรคคงจะอยู่กันลำบาก
เห็นได้จาก การที่ “ลุงป้อม” สะบัดปากกา ลงนามในคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ แต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค อันเป็นเก้าอี้ใหญ่ตัวเดิมที่ “ลุงป้อม” เคยนั่ง ก่อนโดดเข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคเช่นในปัจจุบัน
งานนี้ มีนัยสำคัญ เพราะ พล.อ.วิชญ์ หรือ หรือ “บิ๊กน้อย” เตรียมทหาร รุ่น 11 (ตท.11) ถือเป็นคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร และเป็นอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก เป็นอุปนายกสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทยฯ ที่ “ลุงป้อม” เป็นนายกสมาคม และยังเป็นรองเหรัญญิกคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่ “บิ๊กป้อม” เป็นประธานอยู่ในตอนนี้
สำคัญกว่านั้นสมัยรัฐบาล คสช. ก็เป็น พล.อ.วิชญ์ ที่ถูกส่งเข้าไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ “สนามนางเลิ้ง” ถูกมองว่าเป็นตัวแทน คสช.ในการที่เข้าไปยึดอาณาจักรของ “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่ครอบครองเป็นฐานที่มั่นของ “ทหารแก่” มานาน ก่อนที่สนามนางเลิ้งจะปิดตัวลง เมื่อเดือน ก.ย. 61
การมาของ พล.อ.วิชญ์ เท่ากับทำให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แห่งกลุ่มสามมิตร หลุดจากตำแหน่งนี้ไปโดยปริยาย และน่าสนใจ ว่า สันติ พร้อมพัฒน์ ที่มีข่าวเข้าพบ “ลุงตู่” ก่อนนี้จะยังสุขสบายดีหรือไม่
เมื่อแนวร่วมการเมืองยังไม่มีหลักประกันแบบนี้ ในยามเปลี่ยวเหงาว้าวุ่นใจก็ไม่ต้องแปลกใจที่ได้เห็น “ลุงตู่” กระชับไมตรีส่งของขวัญไป HBD “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ยกมา 3 ข้อบ่งชี้ พร้อมๆ กับ เสียงแว่วจากป่า วิญญูชนก็ลองใคร่ครวญหาคำตอบกันเอาเอง...ตามอัธยาศัย ว่า นี่หรือคือรักกันของ “พี่น้อง 3 ป.” ที่ตัดกันไม่ขาด เสี้ยมยังไงก็ไม่แตกหรือเปล่า!?
**“พี่ยุทธ-น้องไบรท์” “ช่อง 3 ” อีกแล้วครับท่าน เมื่อไหร่ “กสทช.” จะตื่น
ประชาชนคนเสพสื่อถึงขั้นเอือมระอา
เมื่อรายการเล่าข่าวที่มีคนติดตามรับชมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศอย่างรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ทางช่อง 3 ปล่อย “เฟกนิวส์” อีกครั้ง เมื่อวันจันทร์ที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ในช่วงการรายงานข่าวบรรยากาศทางท่องเที่ยวที่หาดบางแสน หลังจากคลายล็อกมาตรการควบคุมโควิด-19
โดยมี “พี่ยุทธ” สรยุทธ สุทัศนจินดา นักเล่าข่าวระดับตำนานของวงการสื่อเมืองไทย เป็นพิธีกรรายการคู่กับ “น้องไบรท์” พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ที่มีประสบการณ์เป็นพิธีกรข่าวมาโชกโชนเช่นกัน
แต่ปรากฏว่า เกิดความผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อมีการขึ้นภาพหน้าจอประกอบการเล่าข่าว เป็นภาพที่ประชาชนมาเที่ยวเล่นน้ำทะเลแน่นขนัดเต็มชายหาด แล้ว “พี่ยุทธ” ได้ถามว่า “นี่ใช่เหรอ?”
“น้องไบรท์” ก็ตอบอย่างมั่นใจว่า “ใช่ค่ะ นี่เป็นภาพสดๆ ร้อนๆ เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานี่เองค่ะ” แล้ว “พี่ยุทธ” ก็ได้แต่อุทานว่า “โอ้โห” ไม่ได้ทักท้วงแต่อย่างใด
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เล่าข่าวบรรยายกาศท่องเที่ยวหาดบางแสนจนจบเรื่อง และทั้งเว็บไซต์และเฟซบุ๊กแฟนเพจ Ch3Thailandnews ก็ได้เอาภาพเดียวกันนั้นไปเผยแพร่ต่อ พร้อมกับพาดหัวข่าวว่า “อัดอั้นไม่ได้เที่ยวนาน...บางแสนคนแน่นหาด ร้านค้าขายดี หลังคลายล็อก”
แต่บังเอิญว่ามีชาวเน็ตความจำดี คลับคล้ายคลับคลาว่า ภาพคนแออัดแน่นชายหาดนี่เป็นภาพเก่าหรือเปล่า โดยมีเพจ “ซึ่งต้องพิสูจน์” ได้ทำการพิสูจน์เรื่องนี้่ พบว่า เป็นภาพที่เว็บไซต์สนุกดอตคอม เคยใช้ประกอบข่าวเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2561 พาดหัวข่าวว่า “น้ำทะเลใสเป็นเหตุ คนล้นทะลักหาดบางแสน วอนวันธรรมดาก็มาเที่ยวได้”
ก็เป็นอันว่า “เรื่องเล่าเช้านี้” ปล่อยไก่เล้าใหญ่อีกครั้ง จนคนดูพากันทนไม่ไหว โดยเฉพาะสมาชิกในเพจ The METTAD (เดอะ เมตตาดี) ที่แชร์โพสต์จากเพจ “ซึ่งต้องพิสูจน์” ไปอีกที ต่างออกมาแสดงความเห็นถล่มใส่ช่อง 3 ไม่ยั้ง อาทิ
“ไม่ผิดหวังจริงๆ ช่องนี้... คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง fake news”
“สื่อช่องนี้อีกแล้วเหรอ รายการนี้อีกแล้วเหรอ”
“ใครชงข่าวให้ ...กรรมๆๆๆ = หลายกรรม # คนอ่านข่าวไม่ได้หาข่าวเอง ...เข้าใจค่ะ”
“เรื่องเห็ดยังไม่เครียเลยพ่อคุ๊นนนน คุ้มค่าทุกนาที่จริงๆอิฟลัดดดด”
“ฟ้องเถอะครับ เพื่อเป็นเครื่องเตือนสื่อให้ต้องคัดกรองตรวจสอบข้อมูลก่อนนำเสนอ”
“จอดำไปเถอะ”
เป็นต้น
และคนที่ได้รับผลกระทบจากข่าวนี้เป็นพิเศษ ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น “นายกตุ้ย” ณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองบางแสนนั่นเอง ที่ทนไม่ไหวกับการใช้ภาพแบบมั่วๆ ของช่อง 3 ถึงกับออกมาโพสต์ทางเฟซบุ๊ก “ณรงค์ชัย (ตุ้ย) คุณปลื้ม” ว่า
“ขออนุญาตชี้แจงสั้นๆ กับภาพข่าวนี้ ของช่องนี้ หลายครั้ง สื่อไม่ว่าจะรายเล็กรายใหญ่ พอมีการคลายล็อก ผ่อนปรนกฎระเบียบต่างๆ การเปิดชายหาดบางแสนก็มักเป็นข่าวทุกครั้ง
“บางแสนเปิดหาดให้มาเที่ยวพักผ่อน และให้ทำมาค้าขาย หลังคลายล็อก ทุกครั้งจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาจำนวนมาก แต่ไม่ได้มามากเหมือนในภาพแน่นอน
“ในภาพนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน 1,000% บางแสนมีการจัดระเบียบการตั้งวางเก้าอี้ผ้าใบและร่ม มาตั้งแต่ปี 2558 การตั้งวางเก้าอี้ผ้าใบและร่ม เหลือประมาณ 60% กว่าๆ ของพื้นที่ชายหาดบางแสน ที่เหลือเป็นที่ว่าง บนชายหาด เป็นเขตปลอดร่มปลอดเตียงผ้าใบ ครับ จะไม่ได้มีร่มแน่นตลอดแนวชายหาด
“ขอวิงวอนสื่อช่วยตรวจสอบก่อนนำมาลงสื่อด้วย เพราะหลายๆ ครั้งการลงภาพและการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนและบิดเบือนจะเกิดความเสียหายต่อคนอื่น และผู้ติดตามสื่อโปรดใช้วิจารณญาณในการรับทราบสื่อต่างๆ ด้วยก็จะดีครับ
“เสียดายที่สื่อนี้ก็ไม่เว้นในการนำเสนอที่บิดเบือน #ภาพปลอม #จรรยาบรรณ?”
คนระดับนายกเทศมนตรีเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศ ออกมา “คอลเอาต์” ถึงช่อง 3 แบบนี้ ปัญหาคุณภาพข่าวของทีวีช่องนี้คงไม่ใช่ธรรมดาแล้ว
ก็มีคำถามอยู่เหมือนกันว่า หลังจาก “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” พ้นโทษจากคดีทุจริตค่าโฆษณา อสมท ออกมา และได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านข่าวของกรรมการผู้อำนวยการสายธุรกิจโทรทัศน์ ของช่อง 3 เพื่อให้คำปรึกษาในด้านการพัฒนารายการข่าว และให้คำแนะนำในด้านการปฏิบัติงานของฝ่ายข่าว มีผลตั้งเเต่ 1 เม.ย. 64 เป็นต้นมา ทำไม “คุณภาพข่าว” ของช่องนี้ ยังไม่ดีขึ้นเลย
ตรงกันข้าม กลับเกิดความผิดพลาดในการเสนอข่าวหลายครั้ง เอาเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ อย่างน้อยก็ 3 เรื่อง เช่น กรณี “หมอบุญ” นพ.บุญ วนาสิน ประธาน “ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป” นำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส เสนอข่าวเป็นตุเป็นตะว่ากำลังจะทำสัญญาในช่วงเย็นวันที่ 15 ก.ค. 64 แต่สุดท้ายก็กลายเป็นแค่ “ดีลวัคซีนทิพย์”
หรือกรณีที่ “ไก่” ภาษิต อภิญญาวาท เคลมกลางรายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 64 ว่า วัคซีนโมเดอร์นาที่สภากาชาดไทยเตรียมนำเข้ามา 1 ล้านโดส เพื่อฉีดให้คนไทยฟรีนั้น เป็นโควตาที่ตัดมาจากจาก รพ.ธนบุรี ของ “หมอบุญ” ซึ่งต่อมา นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย ก็ออกมาแถลงโต้ว่า ไม่ได้ไปแย่งโควตาใครมา แต่เป็นวัคซีนที่สภากาชาดไทยได้จองกับโมเดอร์นาโดยตรงไว้นานแล้ว
และกรณีปล่อยเฟกนิวส์จนอับอายขายหน้าข้ามชาติ ที่บอกว่า คนไทย 7 คนที่เข้าไปเก็บเห็ดล้ำเขตแดนลาวด้าน จ.อุบลราชธานี จนถูกทางการลาวจับกุมนั้น จะได้ฉีดวัคซีนชนิด mRNA ก่อนส่งตัวกลับประเทศไทย เพราะไปขยายความแบบมโนเอาเองจากข้อมูลของ “นายอำเภอสิรินธร” ที่ยังไม่ยืนยันข้อเท็จจริง สุดท้ายก็เป็นแค่ “ข่าวปลอม” จนถูกสื่อลาวสอนมวยกลับมาจนหน้าชา ว่า ขอให้ตรวจสอบที่มาของข่าวสารให้ชัดเจนก่อนจะเผยแพร่ออกไป
สื่อทีวีช่องใหญ่ของประเทศ มีปัญหาเรื่องคุณภาพข่าวขนาดนี้ ก็คงต้องฝากถามดังๆ ไปยัง กสทช.ว่า อำนาจหน้าที่ของท่านตาม พ.ร.บ.กสทช.มาตรา 27 วงเล็บ 6 นั้น กำหนดไว้ว่า “กำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และ กิจการโทรคมนาคม เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ รวดเร็ว ถูกต้อง และ เป็นธรรม”
ในเมื่ออำนาจหน้าที่มีตามกฎหมายอยู่แล้ว ท่านจะไม่ทำอะไรบ้างหรือ!?