xs
xsm
sm
md
lg

“แรมโบ้” เย้ย “เต้น-ลายจุด” คนร่วมม็อบร่อยหรอ เพราะรู้ไส้รู้พุง จ่อแจ้งความเอาผิดเพิ่ม 8 ก.ย.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แรมโบ้” เย้ย “ณัฐวุฒิ-บก.ลายจุด” คนมาร่วมชุมนุมน้อย เพราะคนรู้ไส้รู้พุง ไม่ตกเป็นเครื่องมือคนที่สู้แล้วรวย สู้เพื่อนายใหญ่ แถมเดินตามแกนนำสามนิ้วที่คิดล้มสถาบัน เตรียมแจ้งความเอาเข้าคุกเพิ่มที่ สน.ทองหล่อ และ  สน.บางเขน 8 ก.ย.นี้

วันนี้ (6 ก.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ประกาศว่า ไม่ยอมรับสิ่งเกิดขึ้นในสภาฯ และนายกฯ ไม่ใช่นายกฯ อีกต่อไป พร้อมกับยอมรับว่า มีความกังวลเรื่องโรคระบาดที่เป็นข้อจำกัดในการชุมนุมการปักหลักค้างแรม โดย นายเสกสกล ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองเคยเตือนนายณัฐวุฒิและนายสมบัติ บัญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ควรที่จะออกมาเคลื่อนไหวในขณะที่ยังมีการระบาดเชื้อโควิด-19 เพราะอาจจะเกิดคลัสเตอร์ขึ้นมาใหม่ และเป็นภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งแกนนำอย่าง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง และอีกหลายคนก็เคยติดเชื้อโควิดจากการชุมนุมมาหมดแล้ว ทำให้เกิดการแพร่กระจายไปสู่ผู้ชุมนุมกว้างมากขึ้น

การที่ นายณัฐวุฒิ และ นายสมบัติ ออกมาแสดงความกังวลว่าโรคระบาดเป็นข้อจำกัดในการชุมนุม และไม่สามารถค้างคืนค้างแรมได้ ซึ่งตนเองมองว่าเหตุผลของนายณัฐวุฒิและนายสมบัติฟังไม่ขึ้น แท้ที่จริงควรคิดควรพูดก่อนการออกมาชุมนุม ตนและทุกฝ่ายก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่ควรออกมาชุมนุม การที่ประชาชนไม่ร่วมการชุมนุมเหตุผลเพราะให้ความร่วมมือต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาโควิดและรู้ว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และมวลชนส่วนใหญ่รู้เช่นเห็นชาติคนพวกนี้ ว่า นายณัฐวุฒิและนายสมบัติเดินตามม็อบ 3 นิ้ว ที่คิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูง ยิ่งนายณัฐวุฒินั้นมวลชนคนเสื้อแดงที่เคยเข้าร่วมชุมนุมปี 53 รู้ไส้รู้พุงหมดแล้วว่าหากเข้าร่วมการชุมนุมจะตกเป็นเครื่องมือของนายณัฐวุฒิ ที่หลอกให้ออกมาต่อสู้เพื่อตัวเอง สู้เพื่อนายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศและสู้เพื่อพรรคการเมืองของนายใหญ่ หากสำเร็จก็จะได้โบนัสก้อนใหญ่ เหมือนที่เคยได้รับมาแล้ว สุดท้ายก็ทิ้งมวลชนคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้ไม่สนใจไยดีเหมือนที่เคยก้าวข้ามศพมวลชนไปเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว ไม่ได้สู้เพื่ออุดมการณ์อะไรเลย หวังเพื่อผลประโยชน์ตนเองมากกว่า มวลชนจึงไม่เชื่อถือ เพราะผลจากการกระทำในปี 53 เป็นเครื่องชี้วัดอยู่แล้วว่าสู้เพื่ออะไรกันแน่ จากคำว่าไพร่กลายไปเป็นรัฐมนตรี เดินทางไปไหนมีรถตำรวจนำหน้า เสื้อไพร่สีแดงไม่ควรนำมาใส่หลอกลวงมวลชน เพราะไม่มีใครเชื่อถือแล้ว

ส่วนการที่นายสมบัติปราศรัยปลุกระดมมวลชน ว่า ถ้าประชาชนล้าก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะปิดเกม ตนเองก็มองว่าขณะนี้บ้านเมืองอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาโควิด-19 และนายกฯ ก็คงไม่ได้ไปปิดเกมใคร ซึ่งตนเองมองว่าคนที่จะปิดเกมตัวเองน่าจะเป็นตัวนายณัฐวุฒิ และ นายสมบัติ มากกว่า เพราะยิ่งเคลื่อนไหวคนเข้าร่วมชุมนุมก็ยิ่งน้อยลงนั้นเป็นเพราะมวลชนรู้ทันหมดแล้ว และนายสมบัติก็ไม่ต้องห่วงเรื่องคดี เพราะการเคลื่อนไหวผิดทั้ง พ.ร.ก ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ ผิดกฎหมาย อาญา ม.116 และอื่นๆ อีกหลายกระทง

“ผมและทนายความจะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฐวุฒิ นายสมบัติ และพวกเพิ่มเติม ที่ สน.ทองหล่อ ในวันที่ 8 กันยายนนี้ เพราะความผิดของคนพวกนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ บ้านเมืองต้องยึดกฎหมาย ใครทำผิดต้องเอาเข้าคุกให้ได้ ไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวลเด็ดขาด” นายเสกสกล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น