“ไทยสร้างไทย” สับ “รมว.แรงงาน” เตือนไม่ฟัง เกณฑ์รับสิทธิเยียวยาไม่ชัด หลังรายชื่อตกหล่นอื้อ

“ดร.ผึ้ง-เกณิกา” รองโฆษกไทยสร้างไทย สับ “รมว.แรงงาน” เตือนไม่ฟัง เกณฑ์รับสิทธิเยียวยาไม่ชัด หลังรายชื่อตกหล่นอื้อ ซัดต้องจ่ายเงินแลกเยียวยา ทั้งที่ ปชช.เดือดร้อนจากวิกฤต แนะสื่อสารตรงประเด็น-จัดระบบตรวจสอบ-เยียวยาเท่าเทียม-ทั่วถึงทั้งประเทศ

วันนี้ (3 ก.ย. 64) น.ส.เกณิกา ตาปสนันทน์ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงมาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนของรัฐบาล ว่า เหมือนเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเดือนร้อน หลังจาก นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้ออกนโยบายให้ประชาชนจ่ายเงินสมัครประกันสังคมตามมาตรา 40 และเร่งให้ประชาชนต้องจ่ายเงินสมัครภายในวันที่ 24-26 ส.ค. 64 เพื่อแลกกับการรับเงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาทนั้น ปรากฏว่า มีรายชื่อตกหล่นเป็นจำนวนมากที่ได้ร้องเรียนมายังแฟนเพจเฟซบุ๊ก “ดร.ผึ้ง เกณิกา - Dr.kenika” ของตนว่ายังไม่ได้รับเงินเยียว และมีการเลื่อนการรับเงินออกไปเรื่อยๆอย่างไม่มีกำหนด

น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ดิฉันได้เคยตั้งข้อสงสัยถึงกรณีดังกล่าว ว่า เหตุใดถึงให้ประชาชนต้องควักเงินจ่ายสมัครประกันสังคมก่อน เพื่อรับเงินเยียวยา ทั้งที่ยังไม่มีเกณฑ์กำหนดว่าจะมีขั้นตอน และวิธีการในการจ่ายเงินใครบ้างอย่างไร แต่ประกันสังคมกลับอ้างว่า นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยแรงงานนอกระบบ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ยังไม่มีหลักประกันทางสังคมให้ได้สมัครมาตรา 40 เพื่อเข้าสู่ระบบประกันสังคม โดยการออมในระยะยาวเป็นการสร้างความมั่นคงชีวิต อย่างไรก็ตามตนเห็นว่า ทุกวันนี้ อย่าว่าแต่การออมสร้างความมั่นคงชีวิตเลย การดิ้นรนเพื่อใช้ชีวิตประจำวันก็ยังยาก

น.ส.เกณิกา เสนอด้วยว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ผิดหวัง และรอคอยเงินเยียวยา จากการจ่ายเงินเยียวยาที่ไร้ประสิทธิภาพ จึงขอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาดังนี้ 1. ต้องมีการสื่อการกับประชาชนที่ชัดเจน และตรงประเด็น เพื่อลดความสับสนของประชาชน
2. ต้องมีการจัดระบบการตรวจสอบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนที่ต้องให้ประชาชนเดินทางไปประกันสังคม เพื่อทบทวนสิทธิ์ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดโควิด
3. ควรมีเพิ่มช่องทางหมายเลขการติดต่อของแต่ละเขต เพื่อกระจายคู่สาย เพราะหมายเลข 1506 ที่ทั้งติดต่อสอบถามข้อมูล และใช้ติดต่อเพื่อทบทวนสิทธิ์ติดต่อยากมาก
4. คนที่อายุเกิน 65 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะค้าขายหรือขับแท็กซี่อาชีพอิสระต่างๆ ที่ยังประกอบอาชีพอยู่ควรได้รับสิทธิได้รับเงินเยียวยา
5. ต้องเยียวยาอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง ทั้งประเทศ เห็นแล้วว่าจากสถานการณ์กระทบไปหลายอาชีพเป็นวงจรทั่วประเทศแล้ว ไม่ใช่แค่ 29 จังหวัด หรือแค่ 9 กลุ่มอาชีพ จะเยียวยามากน้อยก็ได้ แต่ต้องทั่วถึง นางสาวเกณิกา กล่าว



น.ส.เกณิกา กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกันตน ทั้งใน และนอกระบบอย่างเท่าเทียม เพราะประชาชนต่างก็ได้รับผลกระทบจากโควิดกันทุกคน และหวังว่า รัฐบาลจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที ดังนโยบายที่ชอบพูดว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งหลายครั้งที่กลุ่มแท็กซี่ และผู้ประกันตน ไปเรียกร้องถึงหน้ากระทรวง แต่กลับไม่ได้รับความสนใจทิ้งไว้ซึ่งข้างหน้า แต่พอมีคนให้กำลังใจกลับได้เห็นหน้าและรอยยิ้มในทันที

“ไม่อยากให้ใช้กำลังไปรับท้าตีต่อยกับใคร เพราะการใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาน่าจะเหมาะสมและช่วยประชาชนได้จริง แม้รู้ว่าท่านชอบมวย ตั้งแต่การโต้ข่าวสอนมวยก็ตาม” น.ส.เกณิกา ระบุ