ขอเป็นทีมสว่าง! “แอน จักรพงษ์” ประกาศจุดยืนเทิดทูนพ่อหลวง พร้อมทำดีช่วยแผ่นดิน “เขตรัฐ” จัดหนัก “ก้าวไกล” ใช้เอกสารปลอม เปิดตาให้สว่าง คนรักสถาบันฯมีจริงไม่ใช่ไอโอ นักวิชาการแฉชัด ผู้ประกาศข่าวด้อยค่าข่าวในพระราชสำนัก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “แอน จักรพงษ์” ประกาศจุดยืน ขอเทิดทูนพ่อหลวง พร้อมทำดีช่วยแผ่นดิน ตอบชัด ไม่ใช่ สลิ่มและไม่ใช่สามนิ้ว
โดยระบุว่า จากกรณีก่อนหน้านี้ “แอน จักรพงษ์” ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ ระบุว่า รวมแล้ว 14 คน ที่ส่งฟ้องทั้งหมด ตั้งแต่คดีคราวที่แล้ว เรื่องการซื้อกิจการร้านอาหาร จนมาถึงการโพสต์ภาพกะสามีและลูก
ถ้าเชื้อริษยามันรุมเร้าในตัวพวกคุณมาก..กรุณาท่องไว้ว่า ไม่เตรียมเงินก็คือเตรียมเข้าคุกนะค่ะ บ้านเมืองมีกฎหมายค่ะ ทราบด้วย!! โดยเงินทั้งหมดที่ได้จากการฟ้อง เจ้าตัวบอกว่า จะนำไปทำบุญกับคนพิการ ซึ่งรวมกับคนที่เข้ามาคอมเมนต์ป่วนก่อนหน้านี้ ที่เป็นพวกของม็อบ 3 นิ้ว เจ้าตัวก็จะฟ้องทั้งหมดด้วย
ล่าสุด “แอน จักรพงษ์” ได้โพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊ก Anne Jakrajutatip อีกว่า ขอเทิดทูนรัชกาลที่ ๙ ตลอดไป แต่ไม่ประทับใจการทำงานของรัฐบาล และต้องการเปลี่ยนแปลงพัฒนาให้ดีขึ้น โดยเชื่อว่าทุกคนควรต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ชัดนะคะว่า ดิฉันคือ “ปัญญาธิปไตย” เพื่อประชาธิปไตยและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน หรือแอนขอให้คำนิยามว่า “ทีมสว่าง” นั่นก็คือ การจับวางแยกแยะแต่ละหัวข้อเป็นเรื่องๆ ไป ไม่เหมารวมทุกเรื่องเป็นเรื่องเดียว ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เอาพรรคพวกเป็นที่ตั้ง ชีวิตจะพัง เพราะฟังพวก “มิจฉาธิปไตย” เกินเหตุ เราควรต้องศึกษาข้อมูลให้สว่าง แล้วนำมาวิเคราะห์ก่อนร่วมปฏิบัติหรือร่วมวิจารณ์กับใครค่ะ
ปากท้องของประชาชนต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด รักประเทศไทย และต้องช่วยกันทำให้มันดีขึ้น..จะไม่ย้ายไปไหน!!! ฉันไม่ใช่สลิ่มและฉันก็ไม่ใช่สามกีบ!!! เพราะฉันไม่ต้องการให้มีความแตกร้าวในประเทศเพิ่มมากขึ้น บทบัญญัติใหม่สำหรับผู้ใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผลและมีวิสัยทัศน์คือ “ฉันเป็นสว่าง” ค่ะ
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังโพสต์ตอบคำถาม แม้จะถูกทัวร์ลงเรื่อยมา เพราะเห็นต่างกับคนอีกกลุ่ม และระบุว่า “ตอบคำถาม คนที่ชอบถามดิฉันว่า แอน จักรพงษ์ ตกลงเป็น สลิ่มหรือสามกีบ?! ดิฉันไม่ขอเป็นทั้ง “สลิ่ม” หรือ “สามกีบ” หากมันเป็นกรณีพิพาทที่จะทำให้สังคมเกิดความความแตกร้าวเพิ่มขึ้น….
ดิฉันขอเป็นทีม “สว่าง” ผู้ซึ่งดำเนินชีวิตตามหลักการและเหตุผล เพราะมันคงไม่มีความคิดฝั่งใดฝั่งหนึ่งถูกสุดหรือผิดสุด…ทุกอย่างบนโลกควรต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ บนพื้นฐานของความจริงเป็นเรื่องๆ ไป…ทุกคนในประเทศของเราควรต้องเน้นย้ำไปถึง “กระบวนการ”
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ แอน จักรพงษ์ พูดถึงว่า ที่ผ่านมา คนก็ต่อว่าไว้เยอะ หาว่าเราเป็นสลิ่ม เพียงเพราะเราเทิดทูนสถาบันฯ และทำให้คนบางกลุ่มเอาประเด็นนี้ไปสร้างความเกลียดชัง จึงอยากบอกให้ทุกคนต้องแยกแยะ ในโลกนี้ทุกที่ มีประวัติศาสตร์ ดังนั้น ต้องใช้เหตุผลคิดและแยกแยะ เพราะยังไงจุดมุ่งหมายเดียวกันของคนไทยทุกคน ก็คือ อยากให้ประเทศเราเจริญก้าวหน้าเหมือนๆ กัน
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ข้าราชการระดับสูง เริ่มอึดอัด สถานีโทรทัศน์ดัง ด้อยค่าข่าวในพระราชสำนัก เตรียมส่ง กสทช.จัดการ!
โดยระบุว่า กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างมากในขณะนี้ ถึงความเหมาะสมของผู้ดำเนินรายการ ในช่องโทรทัศน์สาธารณะต่างๆ ที่ผู้ประกาศข่าวหลายคนมักไม่มีการวางตัวที่เหมาะสม บ้างมีเนื้อหาสาระที่ผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง
ล่าสุด ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
เมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) กัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูง ได้แจ้งผม พร้อมทั้งส่งลิงก์มาให้ดู ว่า มีรายการข่าวทางโทรทัศน์ช่องหนึ่ง (ช่องที่ช่วงหลังมานี้ทำข่าวด้วยอคติจนเนื้อหาผิดพลาดอย่างร้ายแรงหลายครั้ง)
จนทางการต้องออกมาชี้แจงว่า เป็นข่าวปลอม และเมื่อผมไปทักท้วง ก็เรียกผมว่า เป็น “นักวิชาเกิน” ได้มีการกล่าวข้อความที่ไม่เหมาะสม คือ หลังจากนำเสนอข่าวของรายการในช่วงแรกเสร็จ ก่อนจะตัดเข้าสู่ช่วงข่าวในพระราชสำนัก ผู้ประกาศคนหนึ่งได้กล่าวว่า
“เราจะมาเจอกันอีกรอบนึง เป็นยกสอง ของ (ชื่อรายการ) หลังข่าวในพระราชสำนักนะครับ”
และกล่าวต่อไปว่า “พักไปอาบน้ำอาบท่า แป๊บเดียวเท่านั้น แล้วเดี๋ยวมาพบเจอกับ (ชื่อผู้ประกาศ) กันต่อ”
ซึ่งความหมาย หากใครฟังก็คงเข้าใจได้ว่า ช่วงข่าวในพระราชสำนัก เป็นช่วงที่ไม่มีความสำคัญ ไม่ต้องดู ไปอาบน้ำ ไปทำอะไรอย่างอื่นก่อน จบแล้วค่อยมาดูข่าวกันต่อ ซึ่งไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็เป็นความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
บางคนอาจจะคิดว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อาจจะเป็นแค่การพูด “หลุดปาก” แต่หากผู้ประกาศข่าวเผยแพร่ความคิดเช่นนี้ต่อคนจำนวนมากไปเรื่อยๆ ก็เป็นการด้อยค่า กัดเซาะ บ่อนทำลายความสำคัญของสถาบันหลักของชาติอย่างแน่นอน และคำว่า “หลุดปาก” จริงๆแล้วก็คือการแสดงตัวตนของบุคคลคนนั้นนั่นเอง
ข้าราชการท่านนี้ จึงบอกผมว่า ฟังแล้วอึดอัดใจมาก จึงมาปรึกษาผมว่า ควรจะทำอย่างไร ตัวท่านเองก็ได้แจ้งทางผู้บังคับบัญชาไปอีกชั้นหนึ่งด้วย
ผมจึงได้ร้องเรียนต่อ กสทช. ในนามประชาชนคนหนึ่งที่จงรักภักดี และจะคอยติดตามผลแนวทางการดำเนินการของ กสทช. ในกรณีนี้ ว่าจะให้ความสำคัญมากน้อยเพียงใด และจะแจ้งให้ทุกท่านทราบผลต่อไปครับ
หมายเหตุ: ไม่ได้อยู่บนถนนวิภาวดีครับ
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น “เขตรัฐ” จัดหนัก ถล่มก้าวไกลใช้เอกสารปลอม เปิดตาให้สว่าง คนรักสถาบันฯมีจริง ไม่ใช่ไอโอ
เนื้อหาระบุว่า หลังจากการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เข้าสู่วันที่ 3 แล้วนั้น และก่อนหน้านี้ก็มีความเข้มข้น ดุเดือดอย่างมากในหลายๆ ประเด็นที่มีการอภิปราย
ทั้งเรื่องของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายโจมตีการจัดหาวัคซีน การบริหารจัดการวัคซีน ของ พล.อ.ประยุทธ์ นายอนุทิน แต่บรรยากาศตลอดการอภิปราย เต็มไปด้วยการประท้วง จากอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจาก นายวิโรจน์ ใช้ถ้อยคำรุนแรง เสียดสี พาดพิงบุคคลภายนอกบ่อยครั้ง
รวมทั้งมีประเด็นที่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ได้สอบถาม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงคลิปวิดีโอ และรูปต่างๆ ที่ตนใช้อภิปรายถึงปฏิบัติไอโอนั้นจริงหรือไม่
โดย พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า ตอบไปชัดเจนแล้ว เอกสารหลักฐานที่ให้มาเป็นการตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นเอกสารที่ไม่จริง ซึ่งตอนนี้กองทัพบก และกองทัพภาคที่ 2 ที่ได้รับความเสียหายกำลังตรวจสอบเอกสารทั้งหมด รวมถึงคลิปที่นำมาอภิปรายนั้นเป็นจริงหรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ เอกสารที่ ส.ส.นำมาอภิปรายนั้น ทางกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าไม่เป็นเอกสารจริง พบจุดพิรุธต่างๆ ในหนังสือที่นำมาแสดง
ล่าสุด นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า
“เอาอคติในใจออกให้หมด เปิดตาให้สว่าง จะได้ไม่ต้องคอยระแวงว่าทุกคนทุกอย่างบนโลกนี้ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของพรรคท่าน คือ io ขอแนะนำให้ท่าน ส.ส. บางท่านในพรรคนี้ ออกมานอกเปลือกส้ม มาดูโลกแห่งความเป็นจริงบ้าง จะได้ไม่เข้าใจผิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่เข้าใจระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และรักสถาบันฯ มีตัวตนอยู่จริง เเละไม่ใช่ io
ถ้าโยงมั่วขนาดนี้ ก็โยงจนใกล้จะเหมือนทารกที่ถูกสายสะดือพันคอเเล้วละครับ ท่านผู้ทรงเกียรติ ก็ขอแนะนำอีกครั้งให้ออกมาจากเปลือกส้ม มาดูโลกภายนอกบ้างเดี๋ยวประชาชนจะช่วยกันทำคลอดพวกท่านเอง
สุดท้ายนี้ขอแสดงความมีมารยาทด้วยการให้เครดิตว่า ผมนำรูปภาพมาจากเพจก้าวไกล
https://m.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/
อย่างไรก็ตาม นายเขตรัฐ ยังคอมเมนต์เพิ่มเติมอีกว่า สำหรับท่านที่จะอ้างว่า เขาหมายถึงเพจที่ดึงข้อความและรูปในเพจผมไปหรือเปล่าว่าเป็นไอโอ รบกวนช่วยอ่านซับข้างล่างที่เขียนชัดเจนว่า “โดยช่วงนี้เน้นหนักไปที่การผลิตวาทกรรม”
สิ่งที่ผมสะท้อนให้ฟัง คือ ความคิดเห็น เเละเสียงของประชาชนในฐานะการทำหน้าที่ของตัวแทนประชาชนส่วนใหญ่ ที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก ม.112 อ้างแบบนี้ฟังไม่ขึ้นนะครับ รบกวนกลับไปปรึกษาหัวหน้าทีมใหม่ เเล้วค่อยแวะกลับมานะครับ ยังรออยู่ที่เดิม
“สรุปคือ ถ้าเห็นต่างไม่เป็น io ก็เป็นสลิ่มใช่ไหมครับ ไหนขอเสียง สลิ่ม กับ io มาทางนี้หน่อยครับ กดไลก์ กดเลิฟยืนยันกันเลย”
แน่นอน, นับว่าน่าคิด สิ่งที่ นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ แนะนำให้ ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมานอกเปลือกส้ม เปิดตาให้กว้าง มองให้สว่าง ก็จะเห็นว่า
โลกแห่งความเป็นจริง ประเทศไทยที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น คนรักสถาบันมีตัวตนอยู่จริง เเละไม่ใช่ io
เพราะไม่ว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งเคยอยู่ใต้ปกครองของคณะก้าวหน้า และอดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยมี “สีส้ม” เป็นสีประจำพรรค และอุดมการณ์การเมืองที่ชัดเจนมาตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่ ก็คือ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” จะแกล้งโง่หรือไม่ก็ตาม ย่อมรู้ตัวเองดี ว่า คนไทยไม่จำเป็นจะต้องทำ io ให้รักสถาบันฯ เพราะมันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว
จะจางลงหน่อย ก็เพราะโดนเชื้อโรคล้างสมอง โดยไวรัสสายพันธุ์ที่ผลิตจากเปลือกส้มนั่นเอง ที่เรียกกันว่า “สาวกซอมบี” พวกนี้เอง คอยเอาทัวร์ลงคนเห็นต่างอยู่ในขณะนี้
แล้ว โพสต์ที่หยิบยกมา ก็สะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีว่า นี่คือ “ตัวแทน” ของ กลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ เหมือนหลายๆโพสต์ที่เคยออกมาแสดงจุดยืนก่อนหน้านี้ และยังไม่รวมพลังเงียบทั้งประเทศ
ถามว่า มีพลังเงียบจริงหรือไม่ เรื่องนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี หลังส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้ง อบจ. เทศบาล ปรากฏว่า แพ้เลือกตั้งราบคาบ นั่นคือ คำพิพากษาของพลังเงียบอย่างมิต้องสงสัย ไม่ใช่หรือ???