วันที่ 30 ส.ค.64 ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ ธรรมนัส พรหมเผ่า มีการเผยแพร่วิดีโอคลิปซึ่งมีเนื้อหาเป็นการเปิดใจของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการ พรรคพลังประชารัฐ เกี่ยวกับชีวิตนอกสภาของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า
เริ่มตั้งแต่ในวัยเด็กที่จังหวัดพะเยาสมัยยังเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย โดยเกิดมาในครอบครัวชาวไร่ชาวนา มีชีวิตที่ลำบาก แต่มีโอกาสได้เรียนหนังสือจนกระทั่งสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยได้
ช่วงก่อนเข้าสู่วงการเมืองนั้นก็ได้ทำงานด้านการช่วยเหลือคนด้อยโอกาส ผ่านมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า โดยได้กันกำไรจากการทำธุรกิจไปสร้างบ้านให้คนยากจนมากกว่า 200 หลัง นอกจากนั้นก็ส่งเสริมด้านการกีฬา เป็นประธานสโมสรฟุตบอลพะเยาเอฟซี เป็นประธานสมาคมกีฬาจังหวัดพะเยา และที่ภูมิใจที่สุดก็คือได้มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนที่เรียนดีแต่พ่อแม่ยากจน โดยให้ค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนให้เรียนจบถึงปริญญาตรี หลายคนจบมาเป็นหมอ จบมาเป็นครู เห็นลูกหลานได้ดีก็มีความสุข
ส่วนการเข้าสู่การเมืองทั้งที่ไม่ได้ชอบ แต่เนื่องจากรุ่นพี่ จปร.ที่ให้ความเคารพนับถือมาขอร้องให้มาช่วยดูแลพรรคพลังประชารัฐ จึงตัดสินใจเข้ามา ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะให้น้องชายลงสมัคร ส.ส.แต่ตอนนั้นน้องชาขสุขภาพไม่ดี จึงเป็นมวยแทนมาลงเอง โดยได้รับผิดชอบการปราศรัยใน 17 จังหวัดภาคเหนือ และสิ่งที่ภูมิใจคือเราสามารถพาผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือของพรรคเข้าสภาได้ถึง 25 คน
ที่มีผู้มองว่าเป็นผู้มีอิทธิพลนั้น น่าจะเป็นผู้มีบารมีมากกว่า ซึ่งบารมีนั้นสร้างสมมาจากการช่วยเหลือคน มีปัญหาอะไรก็เคลียร์ให้ เพราะเรารู้จักคนมากกว่า
กรณีที่มีกลุ่มต่างๆ ออกมาเรียกร้องรัฐบาลในขณะนี้นั้น เป็นสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็น เราอย่ามองคนที่เห็นต่างเป็นศัตรู แต่เราเอาสิ่งเหล่านั้นมาทบทวนตัวเอง เราเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า แล้วเราก็ปรับปรุงตัวเอง
ส่วนการสลายการชุมนุมนั้น ก็อยากให้มองผู้ชุมนุมเป็นลูกหลาน ไม่ควรไปสร้างความแตกแยก ขณะนี้เรากำลังทำสงครามกับเชื้อโรคที่เรามองไม่เห็น เราต้องมีเวทีให้เด็กได้แสดงความคิดเห็น แสดงจุดยืนของตัวเอง ผู้ใหญ่ต้องเข้าใจเด็ก และเด็กก็ต้องเข้าใจผู้ใหญ่ จึงจะอยู่ด้วยกันได้
สำหรับการรับมือกับเชื้อโควิด-19 ขณะนี้นั้น มี 2 บทบาททั้งในฐษนะรัฐมนตรี และในบทบาทที่เราเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ตั้งศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 พรรคพลังประชารัฐ(ศปฉ.พปชร.) มีคอลเซ็นเตอร์ 30 สายคอยรับเรื่องราวร้องทุกข์ของคนกรุงเทพฯ ที่เดือดร้อน แล้วเราประสานให้ทั้งเรื่องการหาโรงพยาบาล อาหารการกิน โดยผ่าน ส.ส.ของพรรค รวมทั้งได้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา สาธารณสุขจังหวัด ผอ.โรงพยาบาลต่างๆ ในโครงการพาคนพะเยากลับบ้าน ให้ผู้ที่ีต้องการกลับบ้านมาลงทะเบียน แล้วเราจัดรถไปรับ และจัดประเภทเป็นสีเขียว เหลือง ส้ม แดง ,สีเขียวก็เข้า รพ.สนาม และศูนย์พักคอย ที่เราเป็นคนจัดอุปกรณ์ร่วมกับนายก อบจ.พะเยา สาธารณสุขจังหวัดพะเยา และฝ่ายปกครอง เราเอาอุปกรณ์การแพทย์มาช่วยคนพะเยา เอาทุกอย่างมาช่วยบุคลากรการแพทย์ สั่งทำอาหารแจกบุคลากรการแพทย์และผู้ป่วย ทำให้ในขณะนี้จำนวนผู้ป่วยที่หายแล้วมีมากกว่าจำนวนผู้ที่ยังป่วยอยู่
สุดท้าย อยากให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ในทุกจังหวัดที่ถือเป็นทหารกล้าที่จะแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองสงบได้ ส่วนพี่น้องใน 77 จังหวัด หลายจังหวัดตนได้ไปรับฟังปัญหาแล้วและปัญหาของพี่น้องจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ช่วงนี้ก็ฝากให้ทุกคนดูแลสุขภาพ เราจะผ่านวิกฤติไปด้วยกัน
