นายกฯ มั่นใจรอดศึกซักฟอก ไม่หวั่นข้อกล่าวหาฝ่ายค้าน พลิกวิกฤตใช้เวทีสภาฯ แจงแก้โควิด ยอมรับบางเรื่องทำทุกคนถูกใจไม่ได้ สั่ง รมต.ต้องพร้อมตั้งแต่ 31 ส.ค.นี้
เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยการประชุมในวันเดียวกันนี้ใช้เวลาไม่นาน และบรรยากาศเป็นไปอย่างปกติ โดยนายกฯ กล่าวสอบถามรัฐมนตรีที่ถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะกำหนดวันไหน จะเป็นช่วงวันที่ 31 ส.ค.ถึงวันที่ 1-2 ก.ย.และโหวตวันที่ 3 ก.ย. หรือจะช่วงวันที่ 8-9 ก.ย.นี้ ดี โดยตนไม่ได้กังวลมั่นใจชี้แจงข้อกล่าวหาฝ่ายค้านได้ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลแก้ไขแบบมีขั้นตอน แต่ยอมรับว่าบ้างเรื่องอาจจะไม่ถูกใจทุกคนได้ ยืนยันการทำงานมีการบูรณาการและต้องใช้เวลาบ้างในการแก้ปัญหา ทั้งนี้ ได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว เพราะทุกวันนี้ก็มีข่าวออกมาอยู่แล้วว่าเตรียมจะอธิบายตนในเรื่องอะไร ทั้งนี้ ขอกำชับให้รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทุกคนเตรียมความพร้อมที่จะชี้แจง ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.เป็นต้นไป
ด้านรัฐมนตรีแต่ละคนที่มีชื่อถูกอภิปราย กล่าวว่า พร้อมจะเอาช่วงวันไหนก็ได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะทุกคนเตรียมข้อมูลไว้อยู่แล้ว และมั่นใจว่ามีความพร้อมที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาได้ ไม่มีปัญหา หรือกังวลอะไร
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลจะต้องไปตกลงกับฝ่ายค้านด้วย ไม่ใช่ว่าจะเลือกวันไปฝ่ายเดียว แต่สรุปคือรัฐบาลมีความพร้อมตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.เป็นต้นไปจะเลือกวันไหนก็ขอให้มาบอกรัฐบาลอีกครั้ง
นอกจากนี้ ในส่วนเรื่องสถานการณ์โควิด-19 นายกฯ กล่าวว่า อัตราผู้ติดเชื้อลดลง ผู้ติดเชื้อรักษาหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้อยู่ที่ 2 แสนกว่าคน และผู้ติดเชื้อและผู้รักษาตัวไม่ถึง 1 ล้านคน เนื่องจากมีผู้หายป่วยมากขึ้น ส่วนเรื่องชุดตรวจโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit เป็นการสอบถามในที่ประชุม ศบค.ว่าการสั่งซื้อชุดตรวจATK มีไม่กี่บริษัทที่ได้รับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เดี๋ยวจะกลายเป็นล็อกสเปก และไม่ได้เป็นข้อสั่งการ เป็นการสอบถามเท่านั้นและไม่ได้เป็นมติ ครม.มาตั้งแต่แรก เป็นแค่การรับทราบ
พร้อมกันนี้ นายกฯ ยังสั่งการอีกว่า ขอให้เร่งเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกภาคส่วน และขอให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (สศช.) ไปดูโครงการใหม่ที่จะช่วยเหลือ และนำเสนอเข้า ครม. รวมถึงขอให้กระทรวงแรงงานไปดูเนื่องจากแรงงานเรายังมีปัญหาอยู่ทั้งนักศึกษาที่จบใหม่และคนที่ตกงาน จะแก้ไขปัญหาเรื่องการจ้างงานอย่างไร
