กลุ่มผู้ใช้แรงงานแต่งชุดคลุมท้อง บุกกระทรวง จี้หาทางออกคนงานติดเชื้อโควิด-19 หวั่นคลัสเตอร์โรงงานบานปลายคุมไม่อยู่ เหตุนายจ้างละเลยมุ่งแต่การผลิต ล่าสุด คนงานหญิงตั้งครรภ์ติดโควิด ถูกลอยแพ รพ.ปฏิเสธการทำคลอด บางรายเสียชีวิต
วันนี้ (19 ส.ค.) เวลา 10.30 น. ที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงแรงงาน นายสุทัศน์ เอี่ยมแสง ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง นางสาวอัณธิกา โคตะมะ รองเลขาธิการกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง พร้อมด้วย เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 พื้นที่สมุทรปราการ สระบุรี รังสิต และปทุมธานี กว่า 20 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทวงแรงงาน เพื่อหาทางออกวิกฤตโควิด-19 ทั้งนี้ กลุ่มผู้ใช้แรงงานได้แต่งตัวด้วยชุดคลุมท้องและชูป้ายข้อเรียกร้องด้วย จากนั้นเวลา 11.30 น. ผู้แทนกระทรวง ได้เชิญกลุ่มเครือข่ายฯ เข้าประชุมเพื่อหารือร่วมกับ นายสุชาติ รมว.แรงงาน ที่ชั้น 6 ของกระทรวงแรงงานด้วย
นายสุทัศน์ กล่าวว่า จากการสำรวจสถานการณ์กลุ่มแรงงานที่ติดเชื้อโควิด-19 ย่านรังสิตและพื้นที่ใกล้เคียง พบจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการรักษา การเอกซเรย์ปอด รับยา บางบริษัทมีคำสั่งให้กักตัวที่บ้านแค่ 7 วัน แล้วกลับไปทำงาน ยกตัวอย่าง บริษัทแห่งหนึ่งมีคนงาน 4,000 คน ตรวจคัดกรองเชิงรุก 1,000 คน ติดเชื้อ 200 คน คิดเป็นร้อยละ 20 บริษัทให้กักตัว และปิดเพียง 7 วัน แล้วเปิดให้ทำงาน โดยเข้า-ออกประตูด้านหลัง ซึ่งไม่มีหน่วยงานรัฐเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ก็ยังพอมีตัวอย่างบริษัทที่ใส่ใจดูแลพนักงาน เช่น ทราบว่า ติดเชื้อ 20 คน ประกาศปิดทันที 14 วัน เพื่อทำความสะอาด และตรวจเชิงรุกทุกคน ก่อนที่จะเปิดทำการ หรือตรวจเชิงรุกทุกสัปดาห์ ถ้าติดเชื้อจะใช้หอพักในโรงงานเป็นสถานที่แยกกักตัว และเช่าหอพักข้างนอกให้กับคนงานที่ไม่ติดเชื้อ ที่สำคัญคือ ฉีดวัคซีนให้คนงานครบ 2 เข็มแล้วด้วย
“แรงงานต้องสังเวยอีกกี่ชีวิต เพราะนโยบายกระทรวงแรงงานที่ออกมายังไม่ตอบโจทย์ แรงงานจำนวนไม่น้อยยังหลุดจากระบบการดูแลรักษา หลายคนทนทุกข์เข้าไม่ถึงการรักษา ต้องตกงาน อดมื้อกินมื้อ ไร้ความมั่นคง กู้หนี้ยืมสินเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างที่มีประกาศปิดกิจการชั่วคราว ไม่ได้รับค่าชดเชย บางบริษัทฯไม่มีมาตรการตรวจเชิงรุก หรือตรวจเจอเชื้อแต่ไม่แยกกักตัวรักษา” นายสุทัศน์ กล่าว
ด้าน นางสาวอัณธิกา กล่าวว่า คนงานกลุ่มเปราะบางที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ขณะนี้ติดโควิดเสียชีวิตรายวัน เพราะถูกลอยแพ ปฏิเสธการทำคลอด ไร้การรักษา ไม่มีการตรวจคัดกรองเชิงรุก และแยกคนงานที่ป่วยออกจากโรงงานทันที เช่น หลายบริษัทยังให้ทำงานตามปกติ เสี่ยงติดเชื้อ เพราะใช้พื้นที่ปะปนกัน เสี่ยงต่อระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากสรีระของหญิงตั้งครรภ์จะมีภาวะอึดอัดหายใจลำบาก เหนื่อยง่าย ตัวอย่างเคสหญิงท้อง 8 เดือนติดโควิด-19 ต้องผ่าคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 150,000 บาท และขณะผ่าคลอดคนงานหญิงได้เสียชีวิต
นางสาวอัณธิกา กล่าวอีกว่า เครือข่ายฯมีข้อเสนอต่อกระทรวงแรงงาน เพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้ 1. สนับสนุนให้ทุกบริษัทตรวจคัดกรองเชิงรุกให้กับคนงาน เพื่อคัดกรองผู้ที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ 2. จัดหาสถานที่สำหรับคนงานที่ต้องแยกกักตัวรักษา ทั้งในส่วนพื้นที่ของบริษัทฯหรือการประสานชุมชนในการจัดหาสถานที่ เช่น โรงเรียน วัด เป็นต้น รวมถึงการมีโรงพยาบาลสนามที่มีมาตรฐาน มีบุคลากร แพทย์ พยาบาลในการดูแลผู้ติดเชื้อ ตลอดจนมีระบบการประสานส่งต่อคนงานที่มีอาการรุนแรง 3. ต้องมีมาตรการในการดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มคนงานหญิงตั้งครรภ์ เป็นต้น โดยจัดสถานที่ทำงานให้เหมาะสมกับหญิงตั้งครรภ์ให้มีความปลอดภัย และมีการช่วยเหลือด้านสวัสดิการในการคลอดบุตรในกรณีที่ติดเชื้อ และคนงานหญิงที่ตั้งครรภ์ติดโควิดต้องไม่ถูกปฏิเสธการทำคลอดหรือการรักษาโควิด 4.เร่งจัดหาวัคซีน เพื่อคนงานอย่างเร่งด่วน และ 5. มีมาตรการเยียวยาชัดเจนตามสิทธิของลูกจ้าง และสิทธิในการเยียวยาเพิ่มเติมตามมาตรการภาครัฐ ทั้งกลุ่มเปราะบาง กลุ่มคนงานหญิงตั้งครรภ์ กลุ่มครอบครัวคนงานที่เสียชีวิตจากโควิค-19
ขณะที่ นายสุชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังหารือร่วมกับกลุ่มเครือข่ายแรงงาน ว่า มาตรการดูแลกลุ่มคนงานหญิงตั้งครรภ์นั้น ควรมีสถานที่ทำงานที่เหมาะสม มีความปลอดภัย พร้อมให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเร่งออกร่างประกาศกระทรวงโดยเร็วที่สุด และเร่งประชาสัมพันธ์ เพื่อขอความร่วมมือไปยังสถานประกอบการให้สตรีที่มีผลตรวจว่าตั้งครรภ์ ควรกำหนดให้มีการทำงานที่บ้าน โดยให้จ่ายค่าแรงเต็มจำนวน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้ดำเนิน ทั้งการตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุก ในสถานประกอบการ การส่งเสริมให้สถานประกอบการดำเนินการตามโครงการ Factory Sandbox การฉีดวัคซีนโควิดแก่ ผู้ประกันตน และการเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19