“ชัยชนะ” อัด “ณัฐวุฒิ” หิวแสง ใช้ลูกไม้เดิมๆ เพื่อไม่ให้หายไปจากพื้นที่สื่อ-ซัดถึงเวลาทำงานจริงๆ กลับไม่มีผลงานโดดเด่น ชี้ ม็อบ 15 สิงหา ปชช. ไม่ได้อะไร กลับต้องมาร่วมรับผิดชอบเพื่อชดใช้ความเสียหายให้ทางราชการ
วันนี้ (16 ส.ค.) นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ดำเนินการจัดกิจกรรมชุมนุม โดยอ้างว่า ต้องการขับไล่รัฐบาล แต่สุดท้ายกลับมีเหตุการณ์ปะทะกับเจ้าหน้าที่ และมีการเผาทำลายทรัพย์สินทางราชการ ว่า ถือเป็นลีลาเดิมๆ ของนายณัฐวุฒิ ที่ต้องการไม่ให้คนหลงลืมหรือหายหน้าหายตาไปจากพื้นที่สื่อ หรือในภาษาคนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า “หิวแสง” ทั้งนี้ ถึงแม้ว่า นายณัฐวุฒิ จะออกหน้าปกป้องการกระทำของกลุ่มมวลชนก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ผ่านๆ มา การประกาศยุติการชุมนุมของผู้มีอำนาจตัดสินใจในกลุ่มมวลชนนั้น กลายเป็นรหัสที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า จะมีการทำลายทรัพย์สินของทั้งทางราชการและเอกชนทั่วไป โดยไร้ความรับผิดชอบจากกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมฝูงชน ไม่มีทางเลือก จึงต้องใช้มาตรการเพื่อป้องกันทรัพย์สิน และบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปลอดภัยจากเหตุอันไม่คาดฝันที่เกิดจากผู้ชุมนุมได้ ดังนั้น ตนเชื่อว่า นายณัฐวุฒิ น่าจะทราบเป็นอย่างดีว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จึงได้ทำตามบทบาทที่ถนัด จนกระทั่งคนในแวดวงของการชุมนุม ยังชมว่า นายณัฐวุฒิ ดำเนินการจัดการชุมนุมเมื่อวานนี้ (15 สิงหาคม) มีแต่ได้กับได้ แต่ประชาชนทั่วไปแล้ว ถือว่า “เสียกับเสีย” เพราะนอกจากไม่ได้อะไรขึ้นมาจากการชุมนุมในที่ผ่านๆ มาแล้ว ยังต้องมาร่วมรับผิดชอบในการเสียภาษีเพื่อเป็นงบประมาณในการจัดซื้อหารถยนต์และครุภัณฑ์ เพื่อทดแทนจากเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นด้วย
“ลีลาการเล่นการเมืองของนายณัฐวุฒิ ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนทั่วไป หรือแม้แต่คนรุ่นใหม่เอือมระอาเป็นอย่างมาก เนื่องจากพอถึงเวลาทำงานจริงๆ แล้ว กลับไม่มีความโดดเด่นให้ประชาชนจำได้ว่า นายณัฐวุฒิ ทำอะไรไว้บ้าง เรื่องนี้คนในกระทรวงพาณิชย์ น่าจะทราบดี หรือแม้แต่ความรับผิดชอบขั้นพื้นฐาน อย่างเช่น “เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” นั้น นายณัฐวุฒิ ก็ยังไม่สามารถรับผิดชอบตามที่พูดไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วได้ ดังนั้น ผมไม่ได้แปลกใจที่นายณัฐวุฒิ แสดงบทบาทปกป้องการชุมนุมเมื่อวานนี้ (15 สิงหาคม) โดยโยงว่า ที่เกิดเหตุรุนแรง เนื่องจากความอัดอั้น โกรธแค้นการบริหารของรัฐบาล ทั้งๆ ที่ก่อนการชุมนุม นายณัฐวุฒิ อยู่ในวิสัยที่จะสามารถห้ามปรามมวลชนไม่ให้ก่อความวุ่นวาย อันเป็นการละเมิดทรัพย์และความสงบเรียบร้อยโดยส่วนรวม ดังนั้น ถ้าหาก นายณัฐวุฒิ อยากให้สื่อมวลชนกลับมาสนใจตัวเองแล้ว ก็น่าจะรู้ดีว่า “สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ควรจะต้องทำอย่างไร ไม่ใช่ใช้แต่ลีลาเดิมๆ จนคนทั่วไปเขาจับได้ไล่ทันแล้ว” นายชัยชนะ กล่าว