xs
xsm
sm
md
lg

“สภาพัฒน์” เผยเงินกู้ฟื้นเศรษฐกิจสู้โควิด-19 ช่วยแล้ว 300 โครงการ เหลืออีก 4 พันล้าน จ่อต่ออายุ/ขยายขนาดโครงการเดิม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สภาพัฒน์ เผย เงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจก้อนเดิม สู้โควิด-19 เหลือ 4,000 ล้าน ย้ำอนุมัติไปแล้ว กว่า 300 โครงการ เน้นจ้างงานตรง-สร้างอาชีพคนในพื้นที่ เปิดแผนใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.7 แสนล้าน จาก 5 แสนล้าน เน้นภาค SMEs -ภาคการท่องเที่ยว พร้อมประเมินผลโครงการเดิม อาจ “ต่ออายุโครงการอีก 1 ปี” หรือ “ขยายขนาดโครงการ”

วันนี้ (3 ส.ค. 64) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เปิดเผยถึงภาพรวมโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมใน พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้าน ที่มีวงเงิน 400,000 ล้านบาท ว่า ขณะนี้มีงบประมาณเหลืออยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ได้นำงบประมาณไปใช้ในเรื่องการเยียวยาและการสาธารณสุข เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่

มีการอนุมัติโครงการไปแล้วประมาณ 200-300 โครงการใน 2 ลักษณะ ลักษณะแรก เป็นการจ้างงานตรง อนุมัติไปตั้งแต่ช่วงประมาณปลายปี 2563 และเริ่มมีการจ้างงานตรงไปที่นักศึกษาจบใหม่ หรือคนที่ว่างงานและกลับไปอยู่ในพื้นที่ เป็นการจ้างงานแบบกระจายไปในหลายพื้นที่

ลักษณะที่สอง เป็นการสร้างงานสร้างอาชีพในพื้นที่ เป็นโครงการระยะยาวที่ให้กับเกษตรกร ให้มีความมั่นคงในด้านอาชีพ มีปัจจัยในการผลิตที่เพียงพอในการนำไปใช้ในการผลิตด้านการเกษตร

“เห็นได้ชัดในการจ้างงาน เท่าที่ดูตัวเลขการจ้างงานขณะนี้อยู่ที่ 3-4 แสนราย ทำให้อย่างน้อยคนมีรายได้และมีการใช้จ่าย สำหรับผลกระทบกับเศรษฐกิจภาพรวมนั้น ในแง่ของการบริโภคสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งโดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน”

ขณะที่ อีกส่วนหนึ่งที่อยู่นอกเหนือแผนฟื้นฟูเป็นเรื่องของการกระตุ้นการบริโภคโดยตรง เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจในภาพใหญ่ค่อนข้างมาก

สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในระยะต่อไป รัฐบาลได้ออก พ.ร.ก. เงินกู้ 500,000 ล้านบาทแล้ว สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจประมาณ 170,000 ล้านบาท

โดยขณะนี้ได้เร่งหารือกับหน่วยงานที่ดำเนินโครงการ เพื่อประเมินโครงการก่อนว่า ผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร ซึ่งอาจเป็นการต่อโครงการออกไปอีก 1 ปี หรือจะขยายขนาดของโครงการออกไป

“รัฐบาลจะต้องดูแลอย่างจริงจัง ในภาค SMEs ซึ่งได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก แม้ได้มาตรการที่เน้นช่วยเหลือประชาชนโดยตรง ในขณะที่ผู้ประกอบการยังไม่ได้รับการช่วยเหลือมากนัก”

ในระยะถัดไปสภาพัฒน์กำลังหารือร่วมกับทีมเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าจะเริ่มดำเนินโครงการที่จะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบอยู่ในลักษณะอย่างไร

โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว และหากสถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว เศรษฐกิจเริ่มเดินหน้าได้แล้ว เราควบคุมการระบาดได้ มีวัคซีนเข้ามาตามกำหนด อาจจะต้องหาวิธีการที่จะ Jump-Start มาใช้ในภาคธุรกิจที่ได้รับกระทบ

ทั้งนี้ จากการประเมินผลโครงการที่ผ่านมา พบว่า ช่วงแรกยังมีความล่าช้าเนื่องจากต้องมีการเตรียมระบบการเบิกจ่าย ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลกับทางสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง

“เมื่อทุกอย่างเข้าที่ ก็สามารถเบิกจ่ายได้มากขึ้น อาทิ โครงการที่เป็นเรื่องของปุ๋ยสามารถเบิกจ่ายได้ประมาณ 70% หรือโครงการของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ต้องการซื้ออุปกรณ์เครื่องมือในการผลิตปุ๋ย สามารถเบิกจ่ายได้ 90%”

ดังนั้น ในภาพรวมของผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง เพราะมีความก้าวหน้า มีการจ้างงานมากขึ้น กลุ่มเกษตรกรเริ่มเข้าใจว่าการเกษตรไม่จำเป็นต้องทำมากแต่ต้องทำให้มีคุณภาพ โดยเริ่มจากเล็กๆ แล้วค่อยขยายออกไป ซึ่งในระยะยาวจะเป็นผลดีต่อความมั่นคงในด้านอาชีพการเกษตร.


กำลังโหลดความคิดเห็น