“ประวิตร” สั่งติดตามขบวนค้ายาเสพติด ปรับรูปแบบลักลอบผ่าน บ.ขนส่ง-ขายออนไลน์ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด เผย 2 เดือน ยึดยาบ้าน 87 ล้านเม็ด
เมื่อวันที่ 3 ส.ค.พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก ประจำ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)ที่ร่วมมือกันกวาดล้างจับกุมยาเสพติดอย่างจริงจังต่อเนื่องกันมา ทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นใน ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังรุนแรง โดยเมื่อเดือน มิ.ย.- ก.ค.64 ที่ผ่านมา จับกุมผู้กระทำผิดได้ถึง 36,568 คน และยึดยาเสพติด เป็นยาบ้า 87.8 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 2.6 ตัน โดยจับยึดล็อตใหญ่ๆ ได้มากขึ้น
พล.ท.คงชีพ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์การณ์ยาเสพติดช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระบวนการค้ายาเสพติดมีการปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อมาตรการคุมเข้มตามแนวชายแดน โดยเปลี่ยนรูปแบบการกระทำผิดในหลายบริบท มีการลักลอบลำเลียงผ่านระบบขนส่งขนาดใหญ่ทั้งทางบกและทางน้ำ ควบคู่ไปกับการส่งยาเสพติดให้ผู้เสพผ่านทางระบบไปรษณีย์ ซึ่งตรวจพบและจับยึดได้มากขึ้น และได้กำชับ ขอให้ ฝ่ายปกครอง ทหารตำรวจ และ ป.ป.ส. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประเมินและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากแนวโน้มวิกฤติเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานการณ์ยาเสพติดทั่วโลกและในประเทศ ต่อความไม่มั่นคงด้านการดำรงชีพ อาจทำให้การค้าและการใช้สารเสพติดผิดกฎหมายรุนแรงขึ้น เกิดปัญหาสังคมด้านอื่นๆตามมา โดยให้พิจารณาปรับแผนรองรับให้ครอบคลุม มุ่งเน้นมาตรการป้องกันในทุกมิติมากขึ้น เพื่อลดปัญหาและผลกระทบทางสังคมตามมา
พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตรย้ำให้ยังคงความสำคัญทำงานเชิงรุก ทั้งการปราบและป้องปรามขบวนการค้ายาเสพติด โดยเฉพาะแหล่งผลิต ที่ขอให้เพ่งเล็งติดตามสารเคมีบางชนิดที่ไม่เป็นสารควบคุมตามกฏหมายในบางประเทศ อันเป็นสาเหตุให้ยาเสพติดสังเคราะห์ถูกผลิตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้เพิ่มการติดตามการค้ายาเสพติดออนไลน์ การลักลอบส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์และระบบการขนส่งที่มีมากขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอให้ประสานศุลกากร เพิ่มความเข้มมาตรการตรวจคัดกรองการส่งออกสินค้าที่มีการดัดแปลงซุกซ่อนยาเสพติดส่งออกไป และถูกตรวจพบในประเทศปลายทางที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ พร้อมกำชับต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเด็ดขาด
