วันนี้(1 ส.ค.)นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง พรรคกล้า กล่าวว่า หลังสื่อมวลชนนำเสนอข่าว กลุ่ม 'เดินทะลุฟ้า' ซึ่งเป็นนักกิจกรรมที่เดินทางไปเรียกร้องเชิงสัญลักษณ์ให้ประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแล้วถูกบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ออกมาดาหน้าตอบโต้ด้วยอารมณ์นั้น เป็นการแสดงออกถึงความไม่เหมาะสมทางวุฒิภาวะ ซึ่งก็คงเปรียบเทียบได้ง่ายๆดังจะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคเดียวที่กลุ่มเดินทะลุฟ้าเดินทางไปหา พรรคพลังประชารัฐและภูมิใจไทยก็โดนด้วย แต่ดูเหมือนจะมีเพียงพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกอาการควันออกหูอยู่พรรคเดียว
"แน่นอนว่าส่วนหนึ่งของกิจกรรมมีการสร้างความเสียหายให้สถานที่ สร้างความสกปรกเลอะเทอะ ชวนอับอายและไม่สวยงาม จนผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคหลายคนถึงกับควันออกหู เช่น คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.หลายสมัย รองหัวหน้าพรรคแม่ทัพใหญ่การเลือกตั้งภาคใต้ รวมถึงเคยเป็นรัฐมนตรีได้ออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำผรุสวาทไม่รื่นหูมากมาย ดังเช่นว่า ไอ้เด็กเวร ต่ำทราม ไร้อารยธรรม หรือถึงขั้นกล่าวหาว่าเป็นพวกเมายาก พอเห็นแบบนี้ก็ข้างน่าตกใจที่คนระดับอดีตรัฐมนตรีและเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคการเมืองใช้คำพูดเช่นนี้กับลูกหลานรุ่นหลังเหมือนคนโกรธจนขาดสติ"นายอริย์ธัช
นายอริย์ธัช กล่าวอีกว่า จริงอยู่ที่การแสดงออกของกลุ่มเดินทะลุฟ้าอาจดู ' ไม่น่ารัก' และบางอย่างอาจต้องไปว่ากันต่อทางกฎหมาย แต่ตนมองว่าในด้านอารมณ์ก็เป็นเรื่องที่สามารถอดกลั้นและแสดงออกด้วยความมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ได้ ดังนั้น ความเคารพอย่างสูง จึงต้องขอแลกเปลี่ยนตรงนี้ว่า แม้รูปแบบการแสดงออกทางการเมืองในยุคนี้ บางเรื่องบางอย่างที่ตนก็อาจไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นในการใช้คำพูดแรงๆตอบโต้กัน เพราะจะกลายเสียแก่ตัวท่านเอง โดยเฉพาะนายนิพิฏฐ์ ที่เคยเป็นผู้แทนของประชาชน เป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติมาหลายสมัย การใช้คำพูดจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเกียรติที่มีสักนิด
"เข้าใจดีว่าในสถานการณ์ตอนนี้อาจมีเลือกขั้วแบ่งข้างทางความคิด แต่อยากชวนท่านนิพิษฐ์หลับตาคิดในมุมของพวกเขาบ้าง ทำไมเขาจึงต้องเรียกร้องความรับผิดชอบหรือท่าทีของประชาธิปัตย์ที่มีต่อรัฐบาล ท่านลองคิดดูครับว่าในสถานการณ์โควิดที่มีคนรอเตียง รอตรวจ รอตายอยู่ข้างถนนทุกวันแบบนี้ ใจของเขาจะมีความอัดอั้นคับแค้นอยู่ขนาดไหนที่มองเห็นพวกท่านยังลงเรือลำเดียวกันกับกลุ่มบริหารประเทศที่มีแต่ความบกพร่องผิดพลาดและโกหกประชาชนโดยไม่มีความรับผิดชอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”นายอริย์ธัช กล่าว
นายอริย์ธัช กล่าวต่อว่า หากท่านเข้าใจความโกรธและมองความเป็นจริงให้กว้างขึ้น หรือท่านมีสิ่งใดอยากชี้แจงก็ควรชวนคุยกันไปตามหลักเหตุและผล เพราะหน้าที่ของผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผ่านชีวิตและประสบการณ์มามากน่าจะรู้ดีว่าคนร้อนมาจะดับไฟให้เย็นอย่างไร ส่วนในเรื่องที่มองว่าหากทำไม่ถูกตรงไหนก็ตักเตือนห้ามปรามหรืออาจว่ากันไปตามกฎหมาย ซึ่งตนเองก็สนับสนุนหากท่านจะดำเนินการใดๆลักษณะนี้
นายอริย์ธัช ยังกล่าวย้ำว่า การแสดงความเห็นครั้งนี้ไม่ใช่เห็นด้วยกับผู้ชุนนุมหรือเห็นด้วยกับการกระทำที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน เพียงแต่เราคงไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางความรู้สึกด้วยการกล่าวหาและสาดอารมณ์ใส่กันไปมาแบบนี้ได้อและคงไม่มีใครได้ประโยชน์นอกจากความสะใจหล่อเลี้ยงอารมณ์แฟนคลับหัวรุนแรงได้เป็นครั้งเป็นคราว ดังนั้น จึงคงต้องฝากไว้ให้คิด การเป็นผู้ใหญ่กว่าก็ควรทำตัวอย่างให้เด็กมันดู อยากเดินตาม หรืออยากยกมือไหว้ด้วยความเคารพจริงๆบ้าง ในสังคมที่ศิวิไลซ์ ความเห็นต่างกันเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งสำคัญคือความพยายามรักษาบรรยากาศของการสื่อสารกันอย่างประนีประนอมและให้เกียรติ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่ เป็นสถาบันการเมืองที่อยู่คู่สังคมไทยมานาน อย่าทำลายเกียรติภูมิของตัวเองด้วยการลงไปทะเลาะกับลูกหลานเลย เพราะอายุเยอะกันแล้ว ทำอะไรแบบนี้มันดูไม่งาม