วันนี้ (12 ก.ค.) พลตรี ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) มอบหมายให้ พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (เสธ.ทหาร/เสธ.ศปม.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน และจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม โดยเมื่อเวลา 24.00 นาฬิกา เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจอมรพันธ์ ซึ่งรับผิดชอบโดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ซึ่งได้จัดกำลังจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล กองบัญชาการกองทัพไทย (ศตก.) จำนวน 8 นาย ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจตลิ่งชัน จำนวน 8 นาย แบ่งการปฏิบัติเป็น 2 ผลัด ผลัดละ 4 นาย รับผิดชอบในพื้นที่กรุงธนเหนือ เขตตลิ่งชัน
หลังจากนั้นเวลา 24.35 นาฬิกา ได้เดินทางต่อไปยังจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ บริเวณแยกเคหะร่มเกล้า ถนนร่มเกล้า ซึ่งรับผิดชอบโดยสถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้จัดกำลังจากฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายจราจร และฝ่ายสืบสวนของ สน.ร่มเกล้า รวมจำนวน 8 นาย รับผิดชอบในพื้นที่เขตลาดกระบัง ได้แก่ แขวงคลองสามประเวศ และแขวงคลองสองต้นนุ่น รวมทั้งพื้นที่เขตมีนบุรี ได้แก่ แขวงแสนแสบ ทั้งนี้ ยังได้ปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จำนวน 3 นาย
จากนั้น เวลา 01.00 นาฬิกา ได้เดินทางตรวจเยี่ยมจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ จุดตรวจใต้ด่วนลาดพร้าว ซึ่งรับผิดชอบโดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพบก (ศปม.ทบ.) โดย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ซึ่งจัดกำลังพล จำนวน 2 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจโชคชัย จำนวน 8 นาย
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นในการเสริมกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทางสำนักงานเขตจะประสานชุดบูรณาการด้านความมั่นคงในการขอใช้กำลังทหารเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ ในเขตที่ได้รับมอบหมายต่อไป
สำหรับในห้วงเวลาที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้รับข้อมูลเบาะแสอันเป็นประโยชน์จากประชาชน นำไปสู่การจับกุมได้หลายครั้ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนหากผู้พบเห็นการละเมิดกฎหมายสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1111 ทำเนียบรัฐบาล หรือ หมายเลข 191,1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสายด่วนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หมายเลข 1138 กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ขอขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และร่วมมือร่วมใจกันเพื่อร่วมก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน