ข่าวปนคน คนปนข่าว
**นี่สิผู้นำ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” ผุดแคมเปญ “รับคนลำปางกลับบ้าน” อยากหนีพ้นโซนแดงเข้ม ติดโควิดไม่มีเตียงรักษา ติดต่อมาได้เลย
ผู้นำในภาวะวิกฤตมีลักษณะอย่างไร ต้องดู “ผู้ว่าฯ หมูป่า” ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร เป็นตัวอย่าง ล่าสุดคือ การตั้งศูนย์ประสานงาน “รับคนลำปางกลับบ้าน” เพื่อช่วย “บำบัดทุกข์” ให้แก่คนลำปางที่ออกมาไปทำงานต่างจังหวัด และอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่ “ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” 10 จังหวัด ตามประกาศของ ศบค.ที่มีผลเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา หรือ คนลำปางที่ไปทำงานต่างถิ่นแล้วบังเอิญโชคร้ายติดเชื้อโควิด-19 แต่ในจังหวัดที่ตัวเองทำงานอยู่ไม่มีเตียงเพียงพอที่จะรับรักษา ก็สามารถกลับไปรักษาตัวเองที่ลำปางบ้านเกิดได้
ไอเดียนี้ “ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” เสนอเอาไว้ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา สำหรับแก้ปัญหาให้คนลำปางที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด กรณีที่คาดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19, อยู่ระหว่างรอฟังผลการตรวจ, กรณีทราบผลว่าติดเชื้อแล้วต้องการสถานที่รักษา ให้โทรศัพท์ประสานผ่านศูนย์ประสานงาน “รับคนลำปางกลับบ้าน” สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง หรือติดต่อเพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อผ่านทางศูนย์ประสานงาน รับคนลำปางกลับบ้าน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง แต่จะต้องเป็นผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดลำปางเท่านั้น
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) จังหวัดลำปาง ก็ออกมาตรการสำหรับคนที่มาจากพื้นที่เสี่ยงสูง ขอให้ลงทะเบียนเข้าพื้นที่จังหวัดลําปาง โดยสแกน QR Code “ลําปางชนะ” (กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง) แล้วให้ให้รายงานตัวต่อ อสม. / ผู้นําชุมชน / เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ของทุกหมู่บ้าน / ชุมชน โดยไม่ปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ในการเดินทาง กรณีมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร) และจังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา) ให้กักตัวอย่างน้อย 14 วัน และหากมีภารกิจจําเป็นต้องออกจากบ้าน/ที่พักอาศัย ต้องได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงานควบคุมโรคทุกครั้ง
ส่วนกรณีที่ทราบว่า ตนเองติดเชื้อโควิด-19 แล้ว และต้องการมารับการรักษาที่จังหวัดลําปาง ขอให้ติดต่อศูนย์ประสานงานรับคนลําปางกลับบ้าน โทร. 090 3311493 ได้ทุกวัน เวลา 08.30-20.00 น. โดยไม่ปกปิดไทม์ไลน์ข้อมูลการเดินทางเพื่อเข้ารับการรักษาทันทีโดยไม่หยุดแวะที่ใด และขอให้มีการปฏิบัติตามคําแนะนํา คือ “ต้องเดินทางมาจังหวัดลําปางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น” เตรียมอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอกับช่วงระยะเวลาการเดินทาง สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง เลือกใช้ห้องน้ำสาธารณะที่มีผู้ใช้บริการน้อย ขณะใช้ห้องน้ำ สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า รวมทั้งล้างมือก่อนและหลังจากใช้ห้องน้ำ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ และห้ามแวะระหว่างทาง ให้ตรงไปที่โรงพยาบาลที่ประสานงานไว้เท่านั้น
ก็เป็นอีกครั้งที่ “ผู้ว่าฯ ณรงศักดิ์” ใช้ภาวะผู้นำออกมาแก้ปัญหา โดยมุ่งไปที่การบรรเทาความเดือดของประชาชนเป็นเป้าหมายหลัก หลังจากที่ ศบค. ออกมาตรการแบบลักปิดลักเปิด บังคับใช้กับ “10 จังหวัดสีแดงเข้ม” สั่งปิดแคมป์คนงาน ห้ามร้านอาหารให้ลูกค้านั่งกินในร้าน ซึ่งก็ต้องมีคนงานจำนวนไม่น้อยได้รับผลกระทบ หนีกลับภูมิลำเนาของตัวเองในต่างจังหวัด แบบ “ผึ้งแตกรัง” ก็เป็นหน้าที่ของผู้บริหารสูงสุดของแต่ละจังหวัดว่าจะรับมือกับคนของตัวเองที่เดินทางกลับบ้านอย่างไร
บางจังหวัดก็เลือกใช้วิธีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “บ้าอำนาจ” อย่างผู้ว่าฯ สิงห์บุรี ที่ประกาศกร้าวจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับใครก็ตามที่พาเชื้อโควิด-19 เข้าไปแพร่ในจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งก็ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับ “ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” ที่ใช้วิธีรับผู้ติดเชื้อมารักษา
แต่ก็เป็นวิธีการแบบ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” นี่แหละ ที่ได้รับเสียงชื่นชมทั้งประเทศ จนหลายจังหวัดนำไปเป็นโมเดล รับคนจังหวัดตัวเองกลับบ้าน โดยให้ติดต่อที่สาธารณสุขจังหวัดนั้นๆ ที่ประกาศออกไปแล้วก็มี จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดเลย จังหวัดขอนแก่น จังหวัดนครนครราชสีมา เป็นอาทิ
** จากแฮชแท็ก #อหวร ของ “ปารีณา” ที่โพสต์รัวๆ ทำเอา “วิรัช” สุดทนแจ้งหมิ่นประมาทแล้ว
เรื่องขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ปะทุอีกรอบ คราวนี้เป็นคิวของ “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี ที่อยู่ระหว่างการถูกศาลฎีกา สั่งพักปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จากคดี “เล้าไก่รุกป่า” กับ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล ผู้มีชนักเรื่องสนามฟุตซอล
เมื่อหลายวันก่อน “เอ๋ ปารีณา” โพสต์เฟซบุกรัวๆ ติดแฮชแท็ก # อหวร
… ลูกผู้ชายคือคนที่พร้อมจะกระทืบซ้ำทุกคนที่ล้ม #อหวร … #เสร็จศึกฆ่าขุนพล#อหวร เมื่อลูกชายได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็ควรจะพอแล้ว จะเอาทุกตำแหน่งเลยหรือไงคะ ...อยากให้มันตาย #อหวร เรื่องในพรรคไม่ต้อง inbox มาถาม... วุฒิภาวะ คือการให้ครอบครัว ได้มานั่งทุกตำแหน่ง #อหวร … คดีทุจริตสนามฟุตซอลเกิดขึ้นที่กรรมาธิการนี้ ระหว่างแปรญัตติหากจำเลยได้กลับมาเป็นประธานอนุฯ คือ วุฒิภาวะค่ะ...
แม้ “ปารีณา” จะมิได้ระบุในโพสต์ว่า “ลูกผู้ชาย” คนนั้นหมายถึงใคร แต่เมื่อมีคีย์เวิร์ด “ทุจริตสนามฟุตซอล” ผู้ติดตามการเมืองก็รู้ทันทีว่าหมายถึงใคร โดยเฉพาะเมื่อ “ปารีณา”ให้สัมภาษณ์สื่อถึงเรื่องนี้ ระบุว่า
...ดิฉันทำงานในสภาฯมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีตำแหน่งอะไรเลย ตั้งแต่ถูกดำเนินคดีก็สูญเสียธุรกิจที่มีทุกอย่างและยังถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ปัญหาเรื่องที่ดินก็เป็นปัญหาเดียวกับประชาชนหลายคน โดยเฉพาะพื้นที่ในต่างจังหวัดแตกต่างกับคดีทุจริตที่ นายวิรัชกำลังถูกดำเนินคดีอยู่ เพียงแค่อัยการยังไม่ได้สั่งฟ้อง ซึ่งตัวดิฉัน และนายวิรัช มีปัญหาที่แตกต่างกันไป แต่มองว่าไม่ควรเหยียบย่ำกัน และที่ผ่านมา ทุกคนเห็นแล้วว่า ตัวเองเปรียบเสมือนนักรบ คนที่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ออกมาย่อมไม่มีบาดแผล แต่พอนักรบออกไปรบ และได้รับบาดเจ็บกลับเข้ามาในบ้านแม่ทัพบางคนกลับใช้มีดฟันคอจนหลุด เหมือนเสร็จศึกฆ่าขุนพล … นี่คือพฤติกรรมของลูกผู้ชายที่อยู่โคราชหรือไม่ !!
อย่างนี้ก็คงไม่ผิดตัว ว่า “เอ๋ ปารีณา” กำลังถล่ม “วิรัช” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นที่รับรู้กันในพรรคว่า ปารีณานั้น เป็นคนในสายของ วิรัช
ว่ากันว่า เรื่องที่ทำให้ “ปารีณา” ถึงกับ “ขาดผึง” ก็คือ เรื่องตำแหน่งในอนุกรรมาธิการงบประมาณ ที่ “วิรัช” จัดให้นั้น ไม่ใช่ “เกรดเอ” ตามที่ “เอ๋” หมายตา คือ ให้เป็นแค่ประธานอนุฯตั้งข้อสังเกต ต่างจาก “ทัศนียา รัตนเศรษฐ” ภรรยาของ วิรัช ที่ได้เป็นประธาน อนุฯฝึกอบรม สัมมนาประชาสัมพันธ์ฯ
เมื่อเรื่องราวออกมาสู่สังคมอย่างนี้ “วิรัช” บอกว่า “ปารีณา” ก็เป็นปัญหามาตลอดอยู่แล้ว ไม่อยากไปพูดอะไรมาก ปล่อยเขาไป อยากคิดอยากทำอะไร ก็อยู่ที่ตัวเขาเอง และคงไม่ใช่เรื่องที่ผู้ใหญ่ในพรรคจะต้องเรียกมาคุย ทำความเข้าใจกัน เขาอยากทำอะไรก็ให้เขาทำไป ที่ผ่านมา ก็โดนหนักกว่านี้เยอะ เรื่องแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เขาจะว่าอย่างไร เราก็ไม่โต้ตอบ … อารมณ์เหมือนกับว่าไม่ให้ค่า “ปารีณา” แล้ว ปล่อยไปเดี๋ยวก็หมดฤทธิ์ไปเอง
แต่ล่าสุด “วิรัช” ได้รวบรวมหลักฐานจากสื่อต่างๆ รวมทั้งคลิปเสียง “ปารีณา” เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฐานหมิ่นประมาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ...และยังสำทับว่า ถ้ายังไม่หยุด ก็จะแจ้งความดำเนินคดีไปเรื่อยๆ ทีละกระทง
นี่ก็เป็นอีกบริบทหนึ่งของความขัดแย้งภายในพรรคอันเนื่องมาจาก “ตำแหน่ง” ที่พอจะบ่งบอกได้ว่า ใครรุ่ง ใครร่วง !