xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” เสนอรัฐบาล-กทม.จัดระบบดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่บ้านหรือชุมชน อย่าปล่อยให้กักตัวข้างถนน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รสนา” เสนอรัฐบาล และ กทม.เตรียมระบบการกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในบ้านและในชุมชน โดยมี รพ.แม่ข่ายดูแลผ่านระบบทางไกล และรับส่งต่อผู้ป่วยอาการหนัก พร้อมใช้ฟ้าทะลายโจรร่วมรักษา อย่าปล่อยให้เกิดสตรีทไอโซเลชั่น กักตัวข้างถนน

วันนี้ (30 มิ.ย.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก หัวข้อ “สตรีทไอโซเลชั่น กักตัวข้างถนนหนีโควิด” มีรายละเอียดดังนี้

วันนี้ดูข่าวทีวีได้เห็นหญิงวัย 60 ปี ใช้มุ้งครอบนอนอยู่ข้าง สน.นางเลิ้ง ข่าวรายงานว่า หญิงผู้นั้นติดเชื้อโควิด แต่ไม่มีที่กักตัวในรพ.ต้องกักตัวที่บ้าน แต่เกรงว่าจะแพร่เชื้อให้คนในบ้าน จึงต้องออกมากักตัวเองข้างถนน ข่าวระบุว่า โชคดีมีรถ รพ.มารับตัวไปรักษาแล้ว

ในที่สุด บ้านเมืองมาถึงจุดนี้จนได้ ที่คนติดเชื้อต้องออกมากักตัวข้างถนนกัน เพราะไม่ได้เตรียมระบบให้มีการกักตัวที่บ้าน หรือกักตัวในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพไว้ล่วงหน้า จึงมีแต่หลักเกณฑ์ที่เพิ่งเพิ่งเขียนขึ้นมาแต่ยังปฏิบัติไม่ได้

ดิฉันมีโอกาสคุยกับเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เรื่อง การเตรียมพร้อมให้คนติดโควิดกักตัวในบ้าน หรือกักตัวในชุมชน เพราะหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังยืดเยื้อและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ระบบรองรับใน รพ.และ รพ.สนาม จะไม่เพียงพอ การเตรียมระบบให้คนกักตัวที่บ้านและที่ชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพจะป้องกันไม่ให้เกิดความแตกตื่น อลหม่านในหมู่ประชาชน และไม่ปล่อยสถานการณ์ให้เป็นไปตามยถากรรมดังที่เป็นอยู่รายวัน

เลขาธิการ สปสช.ได้บอกดิฉันว่า การกักตัวที่บ้านหรือในชุมชนสามารถทำได้โดยให้มี รพ.หรือศูนย์บริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่เป็นระดับปฐมภูมิรับดูแลผู้ติดเชื้อเป็นรายๆ ที่ขึ้นทะเบียนกับ รพ.หรือสถานพยาบาลปฐมภูมิและให้พยาบาลหรืออาสาสมัคร (อสส.) กทม.หรือ อสม.เข้าไปดูแลคนป่วยแต่ละคน ซึ่งสามารถเบิกรายจ่ายจาก สปสช.ได้ทั้งหมดทั้งอุปกรณ์เช่นเครื่องวัดออกซิเจน เครื่องวัดอุณหภูมิ ฯลฯ และอาหาร 3 มื้อ เบี้ยเลี้ยงของคนดูแล เพราะ สปสช.ต้องจ่ายเงินผ่านหน่วยงานแพทย์สาธารณสุขของรัฐและเอกชนเท่านั้น ไม่สามารถจ่ายผ่านชุมชนหรือบุคคล

ในกรณีของชุมชนแออัดที่มีอยู่จำนวนมากใน กทม.การกักตัวที่บ้านไม่สามารถทำได้ เพราะต้องอพยพสมาชิกในบ้านไปอยู่ที่อื่น ดังนั้น การแยกตัวผู้ติดโควิดไปกักตัวในชุมชน แทน รพ.และ รพ.สนาม จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งสามารถใช้วัด มัสยิด หรือโรงเรียน หรือพื้นที่ของหน่วยราชการที่ไม่ได้ใช้งานระหว่างนี้เป็นที่กักตัวระดับชุมชน โดยระดมอาสาสมัครชุมชน (อสช.) เข้ามาช่วยดูแลผู้ติดเชื้อที่กักตัว และมี รพ.ใน กทม.รับผิดชอบซึ่งสามารถเบิกค่าใช้จ่ายจาก สปสช.ได้ทั้งหมด

นอกจากนี้ กทม.ยังมีงบประมาณส่งเสริมสุขภาพที่ได้รับการจัดสรรจาก สปสช.ประมาณ 1,500 ล้านบาท ที่สามารถนำมาใช้ดูแลอาหารการกิน เครื่องอุปโภค บริโภคให้กับครอบครัวที่มีคนติดเชื้อและถูกกักตัว

ดิฉันเคยเสนอเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่อเกิดคลัสเตอร์คลองเตยติดเชื้อโควิดใหม่ๆ ว่า ถ้าหยุดการติดเชื้อให้รวดเร็ว คือ การตรวจเชิงรุกด้วยการสวอปแบบ swab rapid test ค้นหาผู้ติดเชื้อให้มากที่สุดโดยเร็วที่สุด และแยกตัวผู้ติดเชื้อออกมากักตัวระดับชุมชน โดยมี รพ.รับผิดชอบศูนย์กักตัวระดับชุมชนและล็อกดาวน์คลองเตย เป็นเวลา 1 เดือน โดย กทม.หรือรัฐบาลจ่ายเงินชดเชยค่าเสียโอกาสในการทำมาหากินให้ 5,000 บาท เพื่อหยุดการเคลื่อนที่ของคนในคลองเตย ซึ่งจำนวนคนในคลองเตยประมาณ 120,000 คน ใช้เงินชดเชยเพียง 600 ล้านบาท ถ้าหยุดการระบาดในชุมชนคลองเตยได้ จะลดการแพร่ระบาดใน กทม.ได้มาก

หากทำได้สำเร็จ เราก็จะสามารถนำคลองเตยโมเดลนี้ไปใช้ในชุมชนอื่นหรือคลัสเตอร์อื่นที่ติดเชื้อโควิด แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มีการทำดังที่ นพ.วิรุฬ ได้โพสต์ไว้ https://www.facebook.com/100000765594790/posts/4005763489459131/?d=n
แต่ยังไม่สายเกินแก้ถ้ารัฐบาล และ กทม.จะรีบตั้งหลักใหม่เตรียมระบบการกักตัวที่บ้าน และชุมชน ถ้าหากยังละเลยไม่ทำ ก็จะเกิดการกักตัวกันเองเร่ร่อนตามท้องถนนเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่คนมีบ้านแต่ไม่ต้องการแพร่เชื้อให้คนในบ้านเท่านั้น มีหลายกรณีที่คนติดเชื้อถูกไล่ออกจากบ้านเช่าออกมาเร่ร่อนอยู่ตามท้องถนน แพร่เชื้อต่อไปอีก เป็นสถานการณ์ที่รัฐบาล และ กทม.ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นตามยถากรรม

ข้อเสนอถึงรัฐบาล และ กทม.

1) รีบจัดระบบการกักตัวที่บ้าน และจัดระบบการกักตัวในชุมชน โดยใช้วัด มัสยิด โบสถ์ โรงเรียน หน่วยราชการ ฯลฯ เป็นที่กักตัวโดยมี รพ.และสถานพยาบาลปฐมภูมิเป็นแม่ข่าย ลูกข่าย โดยมี อสม.และ อสส.กทม.หรือ อสช.เข้ามาร่วมดูแลผู้ติดเชื้ออย่างใกล้ชิด

2) ให้ รพ.ที่เป็นแม่ข่ายมีระบบดูแลผู้ป่วยทางไกล และลูกข่ายมีอุปกรณ์วัด oxigen อุณหภูมิ ระบบ swab rapid test เพื่อค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก

3) ประสานชุมชนในการดูแลทะเบียนผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัว และมีระบบส่งอาหารให้กับคนไข้ที่กักตัว และสมาชิกครอบครัวผู้ติดเชื้อที่อาจเป็นกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก คนพิการ คนไข้ติดเตียง โดยจัดส่งอาหารวันละ 3 มื้อ

4) ประสานการรับส่งต่อผู้ป่วยกรณีผู้ป่วยมีอาการหนักขึ้นกับ รพ.ที่เป็นแม่ข่าย

5) ใช้ฟ้าทะลายโจรในการร่วมรักษาอาการผู้ติดเชื้อโควิด และมีการตรวจเชื้อเมื่อครบ 8 วัน อ้างอิงจากการศึกษากรณีการให้ยาฟ้าทะลายโจรในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ของ นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง พบว่า การใช้ฟ้าทะลายโจรกับผู้ต้องขัง 5 วัน และสวอปตรวจเชื้อวันเว้นวัน พบว่า ผู้ต้องขังเชื้อเป็นลบในเวลา 8 วัน หากเชื้อเป็นลบ รัฐบาล และ กทม.สามารถหยุดการกักตัวได้

กรณีการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยติดโควิด 5 วัน และตรวจเชื้อใหม่ภายใน 8 วัน ควรนำมาปฏิบัติกับแคมป์คนงาน หน่วยธุรกิจ หากวิธีนี้ใช้ได้ผล ควรให้เปิดแคมป์ และเปิดการค้าขายได้ ไม่ควรมีการประกาศล็อคดาวน์แบบเหวี่ยงแห ซึ่งมีแต่ทำให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมเสียหายมากขึ้น เพระถึงอย่างไรรัฐบาลก็ไม่สามารถชดเชยได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง

รัฐบาล และ กทม.ควรประชาสัมพันธ์ให้แคมป์คนงานและร้านค้าเข้มงวดในการเฝ้าระวังคนติดเชื้อในพื้นที่ของตน ให้เหมือนกับการเข้มงวดตรวจจับปรับคนไม่สวมมาสก์ เพราะตัวอย่างการเฝ้าระวังที่ได้ผลคือที่เรือนจำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ดิฉันส่งฟ้าทะลายโจรไปให้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ที่เรือนจำจะเฝ้าระวังอาการหวัด ไข้ ไอ เจ็บคอของผู้ต้องขัง ใครมีอาการจะให้กินฟ้าทะลายโจรทันที และดิฉันได้รับข้อมูลว่า เรือนจำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังไม่มีผู้ต้องขังติดโควิดเลย

หากรัฐบาล และ กทม.มีการจัดระบบอย่างดี และแยกผู้ป่วยอาการน้อยให้ยาฟ้าทะลายโจรทันที และถ้าผู้ติดเชื้อโควิดส่วนใหญ่หายจากการติดเชื้อได้ภายใน 8 วัน รัฐบาล และ กทม.จะสามารถลดจำนวนผู้ป่วยหนักที่ต้องไปเพิ่มภาระให้บุคลากรสาธารณสุข และอุปกรณ์การช่วยชีวิตที่มีอยู่จำกัดได้ เป็นการแบ่งเบา และรักษาระบบสาธารณสุขไม่ให้ล่มสลาย เพราะคนป่วยมากเกินพิกัดจนรับไม่ไหว และเทผู้ป่วยออกมากักตัวเองเร่ร่อนตามท้องถนน ในใจกลางกรุงเทพมหานครชั้นใน !!
ณ วินาทีนี้ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันท่องสโลแกนว่า ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ แต่ถ้าแย่แล้ว ก็ต้องรีบช่วยกันแก้ให้ทันเวลา


กำลังโหลดความคิดเห็น