ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดังกว่าพลุก็เสียงด่านี่แหละ ควันหลงดรามาฉลองวันเกิดคู่รักนักเปย์ “ดิว อริสรา-เซบาสเตียน ลี” ที่เวอร์วัง ทั้งอำเภอและโรงแรมต่างไม่รับผิดชอบ ไม่แคร์ชุมชน
กรณีของ “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” ดาราสาว และ แฟนหนุ่ม “เซบาสเตียน ลี” นักธุรกิจชาวไต้หวันที่ฝ่ายชายฉลองวันเกิดให้ฝ่ายหญิงด้วยการจุดพลุชุดใหญ่ ยิ่งใหญ่อลังการกลางแม่น้ำหน้าโรงแรมย่านบางปะอิน อยุธยา กลางดึกคืนวันก่อน มีควันหลงตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นลั่นทุ่งในโลกออนไลน์ โดยมีขบวนรถทัวร์แห่ลงโซเชียลฯ ของดาราสาวรัวๆ
เนื่องเพราะพลุวันเกิดดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชน ชาวบ้านย่านใกล้เคียงหลายๆ คน ตื่นตกใจ สัตว์เลี้ยงแตกตื่น ด้วยเสียงที่ดังและประกายไฟที่อยู่ในระยะใกล้มาก ก็หวั่นเกรงอันตรายกัน อีกทั้งพลุถูกจุดในกลางดึก เป็นช่วงเวลาพักผ่อน ซึ่งวิถีชีวิตของชาวต่างจังหวัดต่างเข้านอนกันแต่หัวค่ำ
ต่อมา “เซบาสเตียน” แฟนหนุ่มของ “ดิว อริสรา” โชว์เอกสารใบอนุญาตในการจุดพลุจากกฝ่ายปกครองบางปะอิน ผ่านอินสตาแกรม และ ขอโทษคนที่เดือดร้อน ระบุว่า จุดพลุในช่วงเวลา 21.56-21.59 น. และมีแขกของโรงแรม แจ้งความเดือดร้อนมาแค่ 1 รายเท่านั้น
ขณะที่ฝ่ายปกครองผู้รับผิดชอบในพื้นที่อย่าง “วัชระ กระแสฉัตร” นายอำเภอบางปะอิน ได้รับคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกมาแถลงกับสังคม โดยยอมรับว่า การจุดพลุดังกล่าวได้มีการขออนุญาตถูกต้อง โดยขอจุดพลุ จำนวน 200 นัด กลางแม่น้ำหน้าโรงแรมศาลา จึงอนุญาตไป
ฟังว่า ตอนแรกนายอำเภอบางปะอิน ที่ไม่อินกับดรามา จะไม่ชี้แจงอะไร โดยบอกกับผู้ว่าฯ “ภานุ แย้มศรี” ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของโรงแรม ตัวเองไม่มีหน้าที่จะตอบ
แน่นอนว่า เรื่องนี้ดังเป็นพลุ ดรามากันหนัก ส่วนสำคัญก็มาจากไลฟ์สไตล์ใช้ชีวิตของคู่รักนักเปย์ “ดิว อริสรา” กับแฟนหนุ่ม “เซบาสเตียน ลี” ที่ตั้งแต่คบหากันเกือบๆ ปี ก็มีเรื่องโชว์ความหรูหราเวอร์วัง สวีตหวานแหว๋ว รักๆ เลิกๆ จนได้ชื่อว่าเป็นคู่รักสามวันดีสี่วันเลิก ให้โลกโซเชียลฯ เก็บมาเป็นขี้ปาก ฟาดคีย์บอร์ดกันตลอดเวลา
ตัวอย่างเช่น แฟนหนุ่มไต้หวันเหมาเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปเที่ยวรอเคานต์ดาวน์ข้ามปีกันที่ภูเก็ต
งานนั้น เห็นว่า มีการจุดพลุส่วนตัวแบบสุดพิเศษ คล้ายครั้งนี้ นั่งดูกันชิลล์ๆ ที่ริมทะเล เรียกว่า หนุ่มนักธุรกิจผู้นี้ชื่นชอบพลุเป็นชีวิตจิตใจ
หรือก่อนหน้าแฟนหนุ่มถอยซูเปอร์คาร์ ปลอบขวัญดาราสาวหลังพ้นการกักตัวโควิด
ไม่กี่วันก่อนนี้ก็มีข่าว ดาราสาวเซอร์ไพรส์วันเกิดแฟนหนุม ด้วยการเนรมิตทุ่งดอกกุหลาบขาวตกแต่งไว้โดยรอบบริเวณที่พัก ที่ดาราสาวควักไปกว่า 4 แสนบาท เฉพาะค่าดอกไม้
ถัดจากนั้นไม่กี่วัน เป็นวันเกิด “ดิว” บ้าง นอกจากของขวัญล้ำค่า นักธุรกิจไต้หวันก็จ้างออแกไนซ์ จัดยิงพลุให้แฟนสาว จนเป็นที่มาของดรามาดังกล่าว
งานนี้ หากตัดความเป็นดรามาของไลฟ์สไตล์ “ดิว-เซบาสเตียน ลี” ออกไป ประเด็นเรื่องขออนุญาต หรือไม่ ถือว่ามีคำตอบไปแล้ว เจ้าของงานผู้ว่าจ้างคือ “เซบาสเตียน ลี” ที่ให้ออแกไนซ์ มาจัดพลุก็มีสิทธิที่จะขออนญาตฝ่ายปกครองได้ แต่ฝ่ายปกครองแทนที่จะมองภาพรวม คำนึงถึงชุมชน และ ชาวบ้านย่านนั้น กลับขาดความรับผิดชอบ ซึ่งโรงแรมและออแกไนซ์ ก็คิดน้อย มองแค่เรื่องรายได้และการท่องเที่ยว ต้องถูกตำหนิด้วยเช่น
ตรงนี้ต่างหาก ที่สังคมบนโลกออนไลน์ กระหน่ำต่อว่ากัน
ตอกย้ำว่า การขออนุญาตนั้นไม่สำคัญเท่า “มารยาท” ความรับผิดชอบต่อสังคมต่อผลที่ตามมา
เรียกว่า งานนี้ดังกว่าเสียงพลุก็เสียงชาวบ้านด่านี่แหละ! ส่วนใครที่สมควรโดนด่ามากที่สุด ก็รับกันไปแล้วกัน
** “สิระ” ใส่เกียร์ถอย หลังโดนลุงว้าก ในความกร่าง ประกาศจะใช้อำนาจ กมธ.กฎหมาย เรียก ผบ.ตร.มาสอบ กรณีออกหมายจับ “ลุงพล” สุดท้ายโบ้ยว่าเป็นอำนาจ กมธ.ป.ป.ช.
ดรามาว่าด้วยเรื่องหิวแสง โหนแสง ที่ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กุลีกุจอ ต้อนรับ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด และ “ลุงพล” ไชย์พล วิภา ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตน้องชมพู่ ที่มาร้องเรียนว่ามีการออกหมายจับ “ลุงพล” โดยมิชอบ เพราะพนักงานสอบสวนนำพยานหลักฐานเท็จ ยื่นต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับ และเมื่อ “ลุงพล” จะเข้ามอบตัว ก็ไม่ยอมรับมอบตัว แต่ทำการจับกุมใส่กุญแจมือ เป็นการกลั่นแกล้งผู้ต้องหาให้ได้รับความอับอาย
มีการรับเรื่องแถลงข่าวใหญ่โต ที่โถงรัฐสภา พร้อมประกาศจะเรียก “บิกปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และพนักงานสอบสวนในคดีนี้มาชี้แจง
ทำเอา “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกับออกปากตำหนิ “สิระ” ว่า เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย มีการเอาผู้ต้องหามาแถลงข่าวสู้คดีที่รัฐสภากันแล้วหรือ ... เช่นเดียวกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็บอกว่า เรื่องนี้ต้องเรียกมาคุยกัน...“เดี๋ยวดูว่าเขาจะมาพูดอะไรกับผม”
เพราะนอกจากภาพที่ออกมาดูไม่เหมาะสมในทางคดี แล้วยังมองได้ว่า “สิระ” ยืนข้างผู้ต้องหา เอาอำนาจ หน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติไปแทรกแซง อำนาจหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม
ข่าวไม่ได้แจ้งว่า “สิระ” ถูก “ลุงป้อม” เรียกเข้าห้องเย็น ทำการอบรมแล้วหรือยัง
แต่ล่าสุด “สิระ” ใส่เกียร์ถอย ไม่เรียกใครมาสอบแล้ว อ้างว่าได้นำเรื่อง “ลุงพล” เข้าหารือในที่ประชุม กมธ.กฎหมายฯ แล้ว ที่ประชุมมีมติไม่รับเรื่องไว้พิจารณา โดยเห็นว่า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นคำร้องที่เป็นเท็จต่อศาลเพื่อออกหมายจับนั้น ขณะนี้ศาลได้ยกคำร้องไปแล้ว เรื่องได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลแล้ว กมธ. จึงไม่อาจก้าวล่วงอำนาจศาล
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจประพฤติมิชอบหรือไม่อย่างไรนั้น เห็นว่าเป็นหน้าที่และอำนาจของ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ จึงเห็นควรส่งเรื่องนี้ไปให้ กมธ.ป.ป.ช. พิจารณา
“สิระ” ลอยตัว แถมโยนเผือกร้อนใส่ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ที่เป็นคู่รักคู่แค้น
คนตกที่นั่งลำบากในตอนนี้ ไม่ใช่ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” เพราะไม่ได้เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน ... แต่เป็น “ทนายตั้ม” เพราะเมื่อมาเล่นใหญ่ กะฟัน ผบ.ตร.อย่างนี้ เลยถูกฟาดกลับ... โดยพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง “ทนายตั้ม” ที่ใช้หลักฐานเท็จ นำเอกสารบัตรข้าราชการตำรวจไปปลอมแปลงลายเซ็นเพื่อยื่นต่อศาลในการขอลดโทษ พ.ร.บ. ยาเสพติด มาตรา 100/2 ในคดี “น.ส.อาเมเรีย จาคอป” หรือ “เอมี่ ธิดาวานร” อดีตนางเอกสาวชื่อดังที่ตกเป็นจำเลยในคดีครอบครองยาเสพติด
กลายเป็นว่า “สิระ” แม้จะถูกลุงตำหนิ แต่ก็ได้ซีน ได้แสงไปแล้ว ส่วน “ทนายตั้ม” ยังต้องผจญวิบากกรรมต่อไป