ตอนจบละคร “หนองผักกะแยง” พูดถึง “คนบนฟ้า” ทำเอา “สามกีบ” ดิ้นพล่าน ทัวร์ลง “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” ไม่พอ ยังโหนละครดัง พาดพิงหมิ่นสถาบันด้วย “อานนท์” ปลุก 3 นิ้ว สู้ม้วนเดียวจบ “วรเจตน์” ไม่รอด หลังเห็นด้วยคำตัดสิน “ธรรมนัส”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (13 มิ.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “โยงมั่ว โยงเก่งได้ทุกเรื่อง!! สามกีบ อยากหวด “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” โหนละครดัง ดึงข้อความละคร พาดพิงหมิ่นสถาบัน!?”
โดยเนื้อหาจาก https:// truthforyou.co/52687/?anm ระบุว่า
“กลายเป็นประเด็นมาแรงในโลกออนไลน์ หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ฉากละคร “หนองผักกะแยง” ทางช่อง 3 ที่เป็นผลงานกำกับของ “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์”
นำแสดงโดยนางเอกและพระเอกของเรื่องคือ โบว์ เมลดา สุศรี และ ณเดชน์ คูกิมิยะ โดยเนื้อเรื่องของละครเรื่องนี้ มีความสนุก ตลก และนำเสนอชีวิตวิถีชาวอีสาน ที่ทำไร่ ทำนา และปลูกผัก ในตอนจบของละคร พระเอกที่ชื่อว่า เขียว ได้พูดกับนางเอก ที่ชื่อว่า ชมพู่ ว่า ตอนเด็กๆ ครูเคยสอน ว่า มีคนๆ หนึ่ง พยายามจะสอน เผยแพร่ และทำให้เห็นว่า ชีวิตแบบพออยู่ พอกิน ไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อนั้น ทำให้มีความสุข เมื่อก่อนนึกไม่ออกว่ามันเป็นยังไง จนได้ลองมาทำไร่ ทำนา และได้รู้ว่าชีวิตแบบนี้ก็มีความสุข แม้จะไม่ได้สบายกาย แต่สบายใจ และนางเอกก็กล่าวว่า รู้นะ ว่ากำลังหมายถึงใคร คนบนฟ้าใช่มั้ย
ต่อมาได้มีคอมเมนต์จากคนที่ติดตามละคร ชื่นชมว่า เป็นละครน้ำดี ทำให้คิดถึงในหลวง ร.๙ ที่สอนให้พวกเราพอเพียง
และก็มีคอมเมนต์จากอีกฝั่งการเมือง หรือกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว เข้ามาโจมตีตอนจบของละครฉากนี้ ว่า สุดท้ายละครไทยก็หนีไม่พ้นวงจรเดิมๆ วนลูป มันคือการหลอกลวง และเมื่อรู้ว่านี่คือ ผลงานกำกับของ “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” ก็ยิ่งมีคอมเมนต์เข้ามาโจมตี รวมทั้งพาดพิงไปถึงงบของสถาบันด้วย
เช่น ดูมาทั้งเรื่องสนุกดีตีแผ่ชีวิตคนอีสาน ตลกๆ พอตอนจบห้านาทีสุดท้ายเท่านั้นแหละ ปิดทีวี ว่าแล้วพล็อตนี้ต้องมา พอเพียงแบบงบประมาณกี่หมื่นล้าน ตอนนี้ถือว่าดูรอบเดียวพอ มันไม่ได้, ถ้าเอา ฉากนี้ไว้ แต่แรกๆ คงไม่มีใครดู ตายตอนจบ นะ อ๊อฟ นะ พ่อ แม่ ยาย ของบักเขียว บ่อได้สอนให้ ทำนา ทำไร่ แต่ คนบนฟ้าสอน เฮ้ยย!! ตลก ป่ะ
นอกจากนี้ ยังมีคนดังในฝั่งม็อบ 3 นิ้ว อย่าง “ซีนิว” นำฉากละครดังกล่าว ไปคอมเมนต์ ว่า คิดถึงคนบนฟ้า และใส่อีโมจิหัวเราะ จนมีคอมเมนต์จากพวกกองหนุนเข้ามาวิจารณ์ว่า ปลอมมาก โชคดีที่ไม่ได้ดูฉากนี้ และทิ้งท้ายว่า ก็ผลงานของ “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” ดาราสลิ่มไง”
เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH เช่นกัน โพสต์ประเด็น “อานนท์ หัวร้อน ประกาศลั่น เตรียมดับเครื่องชน ขอสู้แบบจบในม้วนเดียว หวังปลุกลูกก๊วน ลุกป่วนเมือง”
โดยเนื้อหาจาก https://truthforyou.co/52642/?anm ระบุว่า
“สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อช่วงปลายปี 63 ได้มีการชุมนุมต่อเนื่องหลายเดือน และมีแกนนำหลักคนสำคัญคือ นายอานนท์ นำภา ที่มีคดีติดตัวเป็นจำนวนมากในขณะนี้ แถมยังเป็นผู้ต้องหาในความผิด ม.112 และต้องโดนดำเนินคดีใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม นายอานนท์ ได้รับการปล่อยตัวครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 64 พร้อมกับ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ หนึ่งในแกนนำ โดยศาลพิจารณาว่า การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว จะไม่กระทบต่อรูปคดี และไม่มีเหตุผลให้ไม่ปล่อย จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาโดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ต้องหาไม่ไปกระทำกิจกรรมที่กระทำความเสื่อมเสียต่อสถาบัน ไม่ร่วมการชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้มาศาลตามนัด
แต่ล่าสุด ในวันที่ 12 มิ.ย. 64 นายอานนท์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “อานนท์ นำภา” ในทำนองส่งสัญญาณ และโยนหินถามทาง เพื่อหวังจะก่อม็อบป่วนเมืองอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดว่า
“ไอ้พวกที่คิดจะคงอำนาจให้ ส.ว. เลือกนายกฯได้อีกรอบนี่อย่าคิดว่าคนรุ่นใหม่จะยอมนะครับ พวกเราไม่ยอมให้ใครมาเหยียบหัวเป็นครั้งที่ 2 แน่นอน
งานนี้แลกเป็นแลก ชนเป็นชน”
ต่อมา นายอานนท์ ยังโพสต์ข้อความเชิงปลุกเร้าอีกครั้ง ว่า “ไอ้ประเภทสู้แล้ววนมาที่เดิม เตะหมูเข้าปากหมา คงไม่มีอีกแล้ว
รอได้ ให้มันจบๆ ไป”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “เดือดระอุ!? สามกีบรับความจริงไม่ได้ พาทัวร์ลง “อ.วรเจตน์” นักวิชาการคนดัง หลังพูดความจริง ศาลฯตัดสินคดี “ธรรมนัส” ถูกต้องแล้ว”
โดยเนื้อหาจาก https://truthforyou.co/52674/?anm ระบุว่า
“จากกรณีที่ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งสังคมรู้จักกันดีครั้งเป็นแกนนำกลุ่มอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในนาม “คณะนิติราษฎร์”
ได้ให้สัมภาษ์ณ์สำนักข่าวประชาไท ถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ ทางประชาไท ได้สรุปความเห็นของนายวรเจตน์ ว่า “คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณีธรรมนัส ถือว่าถูกต้องในทางนิติศาสตร์” สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว และกลุ่มต่อต้านรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ นายวรเจตน์ อย่างรุนแรงในโซเชียล
“เปลี่ยนจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คงได้กล้วย”
“ถึงว่า ได้ตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง”
บางคนตั้งข้อสังเกตว่า “พอศาลยกฟ้องคดีไม่รายงานตัว คสช. ก็ออกมาให้ความเห็นเรื่องคดีธรรมนัสเลย”
อย่างไรก็ตาม นายธีระ สุธีวรางกูร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในอาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า
“ยืนยันแทนวรเจตน์สั้นๆ นะครับ ที่อาจสงสัยกันว่า พอศาลยุติธรรมยกฟ้องคดีของวรเจตน์ วรเจตน์ก็แสดงความเห็นทางกฎหมายเป็นคุณกับคุณธรรมนัส สองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันหรอกครับ”
สำหรับผู้ที่วิจารณ์ประเด็นที่นายวรเจตน์ มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองนั้น
ข้อเท็จจริงคือ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ปีที่ผ่านมา ครม.มีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอแต่งตั้ง
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ รวม 10 คน โดยมี นายวรเจตน์ เป็นหนึ่งในกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้วย ทว่า ในวันเดียวกันนั้น นายวรเจตน์ ได้ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว”
แน่นอน, ทั้งหลายทั้งปวงสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของ “สามกีบ” ได้เป็นอย่างดี และหลายคนเคยวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่า เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่เหมาะสมกับการเป็น “คนรุ่นใหม่” ที่เสนอตัวเป็นอนาคตของประเทศ
โดยสิ่งที่พวกเขาทำ ไม่ต่างกับ ปากอ้าง “ประชาธิปไตย” แต่ความคิด และการกระทำเป็น “เผด็จการ” เพราะไม่ยอมรับคนเห็นต่าง ไม่เว้นแม้แต่พวกเดียวกัน จนหลายคนเอือมระอา แถมยังเอาทัวร์ไปลงคนนั้นคนนี้ที่เห็นต่าง ล่าแม่มด หรือ บูลลี่จนคนที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายตัวเองแทบไม่มีที่ยืนในสังคม ฯลฯ
หลายคนจึงเรียกคนพวกนี้ว่า เป็น “อันธพาล” ในโลกโซเชียล บางคนเข้าข่ายเป็น “อาชญากร” เลยทีเดียว เพราะทำให้คนอื่นเสียหายจนต้องฟ้องร้องเป็นคดี รวมทั้งคดี อาญา ม.112 (หมิ่นสถาบัน) ด้วย
ในที่นี้ถือว่า “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” และ “อ.วรเจตน์” กำลังตกเป็นเหยื่อ การ “บูลลี่” ของพวกนักแอบอ้างประชาธิปไตย เพียงเพื่อ ต้องการใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายคนอื่น สนองตัณหาความเชื่อทางการเมืองเท่านั้น จริงหรือไม่จริง ทุกคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว!