ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
ผมได้วิเคราะห์และสังเกตการแชร์เฟคนิวส์ การสร้างเฟคนิวส์ การปล่อยเฟคนิวส์ ทั้งในประเด็นวัคซีนโควิด-19 และประเด็นใส่ร้ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แล้วมีข้อสังเกตดังนี้
หนึ่ง กลุ่มเฟคนิวส์วัคซีนกับกลุ่มหมิ่น เป็นกลุ่มค่อนข้างจะกลุ่มเดียวกันมากกว่า 90% Influencer ก็เป็นกลุ่มเดียวกัน คือพวกปล่อยข้อมูลเท็จเรื่องวัคซีนมักจะเสี้ยมแซะและหมายมุ่งล้มสถาบันด้วย
สอง กลุ่มที่ถูกเคาะกะลาแตก หลังจากเจอความจริง ไม่ค่อยจะเหลือแล้ว ที่เหลือเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่ว่าขาดความคิดวิจารณญาณ แต่มีนิสัยถาวรชอบเฟคนิวส์ ชอบโกหกตอแหล ชอบคนที่โกหกตอแหล ชอบใส่ร้ายป้ายสี ชอบใช้คำหยาบคาย ชอบบูลลี่ และมีอคติอย่างรุนแรง
สาม มูลเหตุที่แชร์เฟคนิวส์นั้นไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นเฟคนิวส์ รู้แน่นอน แต่ต้องการแชร์เพื่อหมิ่นหรือเพื่อใส่ร้ายเป็นหลัก ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่สนใจ และถึงขั้นที่ตนเองรู้ว่าไม่จริง แต่อยากจะให้เป็นจริง และต้องการบ่มเพาะ หว่านให้เกิดความเกลียดชัง ให้มากที่สุด ดังนั้นไม่ได้แชร์เพราะเชื่อว่าจริง แต่แชร์เพราะต้องการใส่ร้าย ต้องการสร้างความเกลียดชัง ทำไปเพราะอคติและความสะใจเป็นแรงจูงใจหรือมูลเหตุหลัก
สี่ การเอาความจริงมานำเสนอกับคนเหล่านี้ เช่น การเคาะกะลาในรายการถามตรง ๆ กับจอมขวัญ ที่ผมเคยทำได้สำเร็จ ไม่มีประโยชน์อะไรกับคนเหล่านี้ เพราะคนที่ยังมีความดีในหัวใจและรักสัจจะได้ตีออกห่างกลับใจไปหมดแล้ว คนที่ยังทำนิสัยแบบนี้อยู่เป็นอีกประเภท ที่แม้จะจนด้วยข้อเท็จจริงหรือเหตุผล ก็ยังจะแถ บิดไปอีกทาง ยกตัวอย่างเช่น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ปล่อยข่าวว่าในหลวงทรงพระประชวรหนัก พอเสด็จลงประกอบพระราชกรณียกิจก็หาเรื่องอื่น ๆ ใส่ร้ายต่อไปแทน การแถและการบิดเบือนไปอีกทาง เป็นลักษณะเด่นของคนเหล่านี้
ห้า การนำเสนอความจริงให้คนเหล่านี้ประจักษ์เห็นกับตา จึงไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย เพราะมีม่านบังใจ และมีอคติบังตาไปเสียหมดแล้ว นอกจากจะเลือกรับรู้ (Perceptual selectivity) ยังเกิดการบิดเบือนทางความคิด (Cognitive distortion) อย่างรุนแรง แล้วก็ยังพยายามปฏิเสธหรือแสดงความโกรธ ไม่รับฟัง จะรับฟังเฉพาะสิ่งที่ยืนยันอคติในใจของตน (Confirmation bias) ที่ยิ่งทำให้อคติรุนแรงมากขึ้น ม่านบังใจหนาขึ้น อคติมืดบอดบังตาหนักยิ่งกว่าเดิม
หก ทางแก้ของคนที่ปล่อยเฟคนิวส์ แชร์เฟคนิวส์ เหล่านี้ที่ได้ผล มีสองทาง และต้องทำทั้งสองทางจึงจะได้ผล
ประการแรก คือ ต้องออกกฎหมายบังคับให้ Social media ทุกชนิดที่จะใช้ในราชอาณาจักรไทย ต้องลงทะเบียนแสดงตัวตนด้วยรหัสประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และ OTP เพื่อให้สามารถตรวจสอบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกคน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำ
ปัจจุบัน Social media เช่น Facebook เป็นแหล่งก่ออาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกและในประเทศไทย ลามกอนาจาร หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยาเสพติด ฉ้อโกงทรัพย์ และอื่น ๆ อีกมากก็เกิดบน social media ทั้งสิ้น
มีความจำเป็นที่ต้องแก้ไขกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายนี้เพื่อ หนึ่ง ความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของบ้านเมือง สอง ป้องกันการก่ออาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมาย สาม ป้องกันการกระทำอันผิดไปจากศีลธรรม ประเพณีอันดีงาม ที่จะเป็นแบบอย่างที่เลวสำหรับเยาวชน เป็นการสร้างสังคมที่น่าอยู่มากขึ้น และสี่ ป้องกันควบคุมมิให้เกิดการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น
อันที่จริงเรื่องนี้ประเทศไทยก็ได้ทำสำเร็จแล้วในกรณีของโทรศัพท์มือถือ ที่บังคับให้ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนทั้งระบบ pre-paid และ post-paid และทำให้ลดปัญหาอาชญากรรมบนโทรศัพท์มือถือลงไปได้มาก
ดังนั้นหากทำได้สำเร็จด้วยความเร่งด่วนรัดกุม ก็มิใช่การละเมิดเสรีภาพแต่อย่างใด แต่เป็นการให้คนใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมประเทศชาติ จะทำให้โลกออนไลน์ ปลอดภัยขึ้น อวตารป่วนบ้านป่วนเมือง และอวตารที่ก่ออาชญากรรมจะหายไปหรือลดลงไปมาก
ประการสอง การบังคับใช้กฎหมาย เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14, ประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยการหมิ่นประมาท และมาตรา 112 ในกรณีที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างเคร่งครัด
พวกสร้าง ปล่อย แชร์ เฟคนิวส์ นี้เก่งแต่ปาก เกรียนคีย์บอร์ด ในชีวิตจริงมักเป็นลูซเซอร์ ผู้พ่ายแพ้ เอาเข้าจริงเจอหมายศาลไปหน้าบ้านก็ตัวสั่น ร้องขอจะมอบกระเช้าดอกไม้ ยอมกราบตีนเป็นแถบ ๆ ดีกว่าเสียเงินเสียค่าปรับ หรือเสี่ยงเข้าคุกเข้าตาราง ดังนั้นหากบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ดำเนินคดีให้ครบถ้วนที่กระทำความผิดทุกกรณีประดาทัวร์ลง ปากหมา ด่าเก่ง บูลลี่เก่ง ปล่อยข่าวเฟคนิวส์ แชร์ข่าวเฟคนิวส์ เจอของจริงจะหายไปมาก ให้ตัดสินพิพากษาจริง เคร่งครัด เป็นตัวอย่างให้เห็นจริง เขียนเสือให้วัวกลัว จะสงบปากสงบคำ และทำชั่วลดลงไปมาก
ขอเสนอให้รัฐบาลทำอะไรสักอย่าง ก่อนจะเสียชาติบ้านเมืองไปในสงครามไซเบอร์ ซึ่งจากออนไลน์ ก็จะมาสู่โลกออฟไลน์ ลงถนน ปั่นป่วนชาติบ้านเมือง ล้มล้างการปกครองในท้ายที่สุด