“ประยุทธ์”สั่งคลายล็อก กทม. ไฟเขียว 5 กิจการ “พิพิธภัณฑ์-สวนสาธารณะ-คลินิกความงาม-นวดฝ่าเท้า-ร้านทำเล็บและร้านสัก” มีผลทันที 14 มิ.ย.นี้ พร้อมเริ่ม “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” 1 ก.ค.นี้
วันนี้ (12 มิ.ย) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” โดยระบุว่า พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านในฐานะนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการ ศบค. หน้าที่สำคัญของผม คือ การสั่งการและวางนโยบายเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดให้ดีที่สุด แต่ต้องดำเนินการไปด้วยความสมดุลกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
ซึ่งผมได้ติดตามสถานการณ์และปรึกษากับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ตลอดเวลา เพื่อตัดสินใจที่จะเกิดประโยชน์ที่สุดกับประเทศชาติส่วนรวม ดังนั้น ในวันนี้ผมจึงมี 2 เรื่องสำคัญที่จะมาแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้
1. หลังจากที่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบร่วมกับทุกฝ่าย ทั้งกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. ผมในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. จึงเห็นว่าข้อเสนอของกรุงเทพมหานคร ในการขอผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคสำหรับสถานที่ 5 ประเภทในเขตกรุงเทพมหานคร ที่เคยขอมาก่อนนั้น สามารถให้มีการผ่อนคลายได้ตามเงื่อนไขที่ขอมา
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ประกอบกับที่มีประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯเริ่มได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนพอสมควร โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพในกิจการดังกล่าวข้างต้น ซึ่งสถานที่ทั้ง 5 ประเภทนั้น ประกอบด้วย
- พิพิธภัณฑ์ และโบราณสถานต่างๆ
- สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ต่างๆ
- คลินิกเสริมความงาม
- สถานประกอบการนวดเพื่อสุขภาพ (อนุญาตเฉพาะนวดฝ่าเท้า)
- ร้านทำเล็บและร้านสัก
โดยการผ่อนคลายนี้จะมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน นี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งทางกรุงเทพมหานคร จะออกประกาศแนบท้ายซึ่งเป็นมาตรการป้องกันโรค เพื่อให้สถานที่ทั้ง 5 ประเภทนี้ได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และอาจถูกสั่งปิดได้หากไม่ปฏิบัติตาม
2. โครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox) เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากข้อสั่งการของผม ในการหาหนทางในการทดลองเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว เพื่อฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศมาตลอด โดยพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดนั่นคือจังหวัดภูเก็ต ที่เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและเป็นเกาะที่สามารถควบคุมการเข้าออกได้ ดังนั้นเราจึงมีการเตรียมความพร้อมด้วยการระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในภูเก็ต ซึ่งในวันนี้ฉีดไปมากกว่า 70% ของประชากรทั้งจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะพี่น้องในภาคการท่องเที่ยวที่เราจะฉีดให้ครบ 100% ซึ่งจะเปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และต้องพักอาศัยในภูเก็ตอย่างน้อย 14 วันก่อนจะไปท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นต่อได้ และจะมีระบบตรวจโรคและติดตามตัวอย่างเข้มงวดด้วย
โดยโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” นี้ ได้ผ่านการพิจารณาจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) และคณะรัฐมนตรีได้รับทราบเบื้องต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การปรับปรุงรายละเอียดเพื่อให้ ศบค. และ ครม. อนุมัติอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ และจะเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ต่อไป
สำหรับส่วนกิจการอื่นๆ เช่น ร้านอาหาร หรือพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ยังมีเงื่อนไขการปิดสถานที่ หรือมีข้อจำกัดต่างๆ ผมและศบค. มีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยคำนึงถึงทั้งความปลอดภัยทางสาธารณสุขและการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน และจะประกาศให้ทราบทันทีที่มีมติในการเปลี่ยนแปลงครับ