“แรมโบ้” ซัด “วิโรจน์” ก้าวไกล เป็นโมฆะทางการเมือง หมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว เพราะไม่รักษาคำพูดจะลาออกจาก ส.ส. ย้ำ นายกฯ และรัฐบาลทำเต็มที่ แก้ไขสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงการบริหารจัดการให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีน โดยล่าสุดไทยเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียนที่ประชากรได้ฉีดวัคซีนแล้ว
วันนี้ (10 มิ.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน เปรียบเทียบรัฐบาล คือ โรงพยาบาลจันทร์โอชา โดย นายเสกสกล ระบุว่า นายวิโรจน์จะมีความคิดแบบฝ่ายค้านที่ไม่สร้างสรรค์ค้านไร้เหตุผล ทุกคนก็รู้นิสัย เพราะแม้ว่านายกฯ และรัฐบาลจะทำงานได้ดีเพียงใดจะต้องไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปทราบดีว่า ส.ส.คนนี้มีพฤติกรรมเช่นไร
แต่ส่วนตนเองเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศเข้าใจในการทำงานของนายกฯ และรัฐบาล ในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงการบริหารจัดการวัคซีน ซึ่งนายกฯ ได้ให้ความสำคัญในการดูแลประชาชนในทุกด้านทั้งสาธารณสุข การบรรเทาความเดือดร้อน อยากให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนให้เร็วและมากที่สุด
ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่าคนไทยได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 5 ล้านโดส เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ในอาเซียนแล้วสูงเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการดำเนินการเรื่องต่างๆในเรื่องของการฉีดวัคซีน
นายเสกสกล ระบุว่า แม้การฉีดวัคซีนในช่วงแรกนั้นอาจจะติดขัดอยู่บ้าง แต่นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้วว่าจะจัดหาวัคซีนมาเพิ่มเติมให้มากที่สุด และในเดือนต่อๆ ไป น่าจะมีวัคซีนมามากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละจังหวัดก็จะมีปริมาณเพียงพอที่จะฉีดให้ประชาชนอย่างแน่นอน
“แม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่ผมก็มองว่านายวิโรจน์สามารถทำดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติได้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านแล้วต้องค้านทุกเรื่อง การโจมตีใส่ร้ายนายกฯ และรัฐบาลอันเป็นเท็จและบิดเบือนนั้นจนลืมไปว่าคนที่เป็น ส.ส.คือ ผู้แทนที่จะต้องเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนในยามเดือดร้อนมีปัญหา และเอาข้อเดือดร้อนของประชาชนมาเสนอรัฐบาล ไม่ใช่มาอาศัยตำแหน่ง ส.ส.หาประโยชน์ทางการเมืองเพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว โดยใช้วาจาแบบนักโต้วาที ต่อว่าด่าทอรัฐบาลแบบดูหมิ่นดูแคลนเช่นนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เป็นเพราะอยากเข้ามามีอำนาจ อยากเข้ามาเป็นรัฐบาลจนหน้ามืดตามัว ไม่สนว่าสิ่งที่พูดจะถูกหรือผิด คนอื่นจะเสียหายหรือไม่ ซึ่งหากยังทำตัวแบบนี้ ผมมั่นใจว่า นายวิโรจน์ คงไม่ได้เข้ามาพูดในสภาอีกแน่นอนในสมัยหน้า คงมีโอกาสเพียงสมัยเดียวแค่นี้เพราะประชาชนเบื่อหน่ายนักการเมืองประเภทวาจาสาวหาว พูดมากแบบน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรงจนหาสาระอะไรไม่ได้เลย
“นอกจากนี้ ผมยังมองว่า นายวิโรจน์ ไม่ควรออกมาพูดอะไรแล้ว เพราะได้หมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว ตั้งแต่ท้าทายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ลาออกจากตำแหน่ง หากวันที่ 7 มิถุนายน 2564 ถ้าไม่มีวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้ามาฉีดให้บริการ ตรงกันข้ามกลับมีมาฉีดให้ประชาชนตามที่กำหนดไว้ จึงมีเสียงเรียกร้องให้นายวิโรจน์ต้องลาออกอย่างมากมาย เพื่อดูสปิริตและสัจจะวาจาของนายวิโรจน์ แต่นายวิโรจน์ก็ไม่กล้าลาออก ซึ่ง ผมมองว่าที่ไม่กล้าลาออกเพราะกลัวว่าจะไม่ได้กลับเข้ามาเป็น ส.ส.อีก และคนที่หมดความน่าเชื่อถือเช่นนี้ประชาชนจะไปเชื่อถือในคำพูดได้อย่างไร จะต้องช่วยกันจดจำและจารึกเอาไว้ว่า ในสมัยหน้าอย่าเลือกเข้าสภาอีกเด็ดขาด” นายเสกสกล กล่าว