ทีมโฆษก ทบ. เผย ผบ.ทบ.ขอบคุณหน่วยทหารจัดกิจกรรมดูแล ปชช.ในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมฯ หนุนประคองสถานการณ์โควิด เตรียมรับทหารใหม่ จัดหารถชีวนิรภัยตรวจหาเชื้อเชิงรุก พร้อมดูแลช่วงฤดูฝน ตรึงชายแดน สกัดลอบเข้าเมือง-ยา กันโควิดช่วยทุกรูปแบบ
วันนี้ (4 มิ.ย.) พลโท สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกในวันนี้ (4 มิ.ย. 64) โดยระบุว่า พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวขอบคุณหน่วยทั่วประเทศที่ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ด้วยกิจกรรม “มีแล้วแบ่งปัน” เป็นการช่วยดูแลประชาชนในโอกาสวันสำคัญของประเทศถวายเป็นพระราชกุศล รวมถึงการที่หน่วยทหารได้ทุ่มเทเสียสละปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหา COVID-19 ทั้งการสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ยาเสพติดตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าในห้วงนี้เป็นภารกิจหลักของกองทัพบก ที่ทุกส่วนต้องร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งการริเริ่มการช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่างๆ เพื่อประคับประคองให้ทุกส่วนผ่านสถานการณ์ COVID-19 ไปได้
การประชุมในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญและกำชับสั่งการในเรื่องสถานการณ์โรค COVID-19 โดยย้ำกำลังพล ครอบครัวให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หน่วยทหารจัดให้มีการตรวจเชื้อเพื่อให้พร้อมปฏิบัติงาน ให้ตระหนักว่าทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและเป็นกำลังสำคัญของกองทัพบกในการเข้าไปช่วยเหลือส่วนรวมได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ หน่วยทหารให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ทั้งสื่อภายในหน่วย การเรียนการสอนหลักสูตรทางทหาร หน่วยฝึกทหารใหม่ สร้างการรับรู้เท่าทันต่อสถานการณ์ COVID-19 มาตรการป้องกันโรค และเชิญชวนฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง โดยกองทัพบกได้เตรียมการเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลในช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ตามการจัดสรรของสาธารณสุข
พร้อมกันนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรับทหารใหม่ผลัดที่ 1/64 ที่จะเข้าประจำการในเดือนกรกฎาคมนี้ ได้เตรียมพร้อมตามมาตรการต่างๆ ทั้งด้านงานธุรการ กำลังพล ชุดครูฝึก สถานที่ สิ่งอุปกรณ์ การป้องกันโรค ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางที่กองทัพบกได้กำหนดไว้ เพื่อการดูแลทหารกองประจำการตามมาตรฐานอย่างดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกให้ความสำคัญกับการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ด้วยการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ล่าสุด ได้เตรียมจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย รถปฏิบัติการตรวจเชื้อเคลื่อนที่ และเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นในการตรวจหาเชื้อ COVID-19 เพื่อให้การวิเคราะห์ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว โดยมีแผนมอบให้กรมแพทย์ทหารบกนำไปใช้ในการตรวจหาเชื้อให้กับกำลังพลและประชาชนกลุ่มเสี่ยง เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและควบคุมโรค COVID-19 ไม่ให้แพร่ระบาดและสามารถออกมาตรการควบคุมสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
ด้านพันตรีหญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ที่กองบัญชาการกองทัพบก มีการประชุมชี้แจงและสั่งการหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกด้วยระบบออนไลน์ ครั้งที่ 5/2564 โดยมี พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในการประชุม ได้มีการมอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลให้กับหน่วยที่มีผลการจับกุมการตรวจยึดยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในห้วงเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา มีหน่วยที่มีผลงานระดับยอดเยี่ยม 2 หน่วยได้แก่ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ตรวจยึดยาบ้าได้ 6,400,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา ที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และกองกำลังผาเมือง จัดกำลัง 3 ฝ่าย ตรวจยึดยาบ้าได้ 4,990,000 เม็ด ที่ ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พร้อมผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ตลอดเดือนที่ผ่านมา การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด พบการกระทำผิด 167 ครั้ง จับกุมผู้กระทำผิด 182 คน ยึดได้ของกลาง ยาบ้า 14,549,696 เม็ด และไอซ์ 535 กิโลกรัม กัญชาแห้ง/สด 886 กิโลกรัม
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการเพิ่มเติมให้มีการมอบรางวัลหน่วยที่มีผลสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายดีเด่นใน 1 เม.ย.- 31 พ.ค. 64 จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ กองกำลังสุรสีห์จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและผู้นำพา 50 ครั้ง รวม 723 คน และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 กองกำลังนเรศวร จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและผู้นำพา 227 ครั้ง รวม 852 คน โดยผลการปฏิบัติตลอดเดือน พ.ค. 64 มีการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตรวจพบการกระทำผิด 243 ครั้ง จับกุมผู้กระทำผิด 1,459 คน เป็นคนไทย 184 คน, กัมพูชา 182 คน, ลาว 38 คน, เมียนมา 918 คน, อินโดนีเซีย 1 คน, จีน 24 คน, มาเลเซีย 2 คน, อินเดีย 2 คน พร้อมผู้นำพา 56 คน ประกอบด้วย ชาวไทย 45 คน, ชาวเมียนมา 10 คน และชาวกัมพูชา 1 คน ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับหน่วยและกำลังพลที่ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ สามารถแก้ปัญหายาเสพติดและการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในสถานการณ์ ที่ต้องเฝ้าระวัง COVID-19 ในขณะนี้เพื่อป้องกันแนวชายแดนและพื้นที่ตอนในอย่างดีที่สุดโดยผู้บัญชาการทหารบกได้เพิ่มแนวทางการสกัดกั้นและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติ กล่าวคือจัดชุดเฉพาะกิจเพิ่มเติม ด้านการข่าว, กอ.รมน.จังหวัด ติดตามและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายบริเวณแนวชายแดน เพื่อให้การปฏิบัติเกิดการบูรณาการ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตามเส้นทางที่กลุ่มขบวนการมักใช้ในการลักลอบนำพาแรงงานเข้ามาทำงานในพื้นที่ตอนในของประเทศ เพื่อการดูแลภาพรวมสถานการณ์ลักลอบเข้ามืองโดยผิดกฎหมายตั้งแต่พื้นที่แนวชายแดน และพื้นที่ตอนในอย่างดีที่สุด
ในส่วนการสนับสนุนภารกิจของ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง และ ศบค. กองทัพบกได้นำทรัพยากรที่มีอยู่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลในสถานการณ์ COVID-19 ในส่วนของการสนับสนุนกำลังพลนั้น กองทัพบกได้ส่งบุคลากรทางการแพทย์ สนับสนุนโรงพยาบาลสนาม 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ห่วงใยสาคร วัฒนาแฟคทอรี่, บางขุนเทียน, เรือนจำธนบุรี และเรือนจำกลางเชียงใหม่ สนับสนุนเจ้าหน้าที่ธุรการสนับสนุนภารกิจตรวจคัดกรองโรคเชิงรุกโดยรถพระราชทาน ในเขตเมืองของ กทม. รวมถึงสนับสนุน อำนวยความสะดวกให้สำนักอนามัยในการตรวจเก็บตัวอย่างเชื้อในพื้นที่ กทม. และส่งกำลังพลช่วยติดตั้ง รพ.สนามบุษราคัม อิมแพคเมืองทองธานี ที่สำคัญในขณะนี้ที่มีการแพร่ระบาดเฉพาะกลุ่ม สนับสนุนดูแลในพื้นที่ชุมชนคลองเตย และ แคมป์คนงานก่อสร้างใน พื้นที่ กทม.
นอกจากนี้ กองทัพบกได้จัดรถครัวสนามและโรงครัวพระราชทานเพื่อแจกจ่ายอาหารปรุงสุกให้กับประชาชนในพื้นที่ กทม. ได้แก่ ชุมชนคลองเตย, ชุมชนวัดญวนคลองลำปัก, ชุมชมริมทางรถไฟสายแปดริ้ว และชุมชนบ้านมนังคศิลา ตั้งแต่ 1 พ.ค.- 3 มิ.ย. 64 จัดรถครัวสนามไปแล้วทั้งสิ้น 285 เที่ยว จำนวนอาหาร ที่แจกจ่ายรวม 264,798 กล่อง และจะดำรงความต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย สำหรับการสนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อให้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล และเคลื่อนย้ายผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 ในพื้นที่เขต กทม.และปริมณฑลของกองทัพบก ตั้งแต่ 27 เม.ย.64 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มียอดสะสม รวม 2,619 ราย ตลอดจนอนุเคราะห์ฌาปนสถานกองทัพบกจำนวน 4 แห่งในการจัดพิธีศพผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 โดยมียอดสะสมรวม 117 ราย ตลอดจนการช่วยเกษตรกรรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งนำผลผลิตจากโครงการทหารพันธุ์ดีใน 106 หน่วยทั่วประเทศ มามอบให้กับประชาชนตามบ้านเรือน รวมทั้งสิ้น 49,957 ราย และขยายผลนำผลผลิตไปแจกจ่ายให้กับนักเรียนผ่านโครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” รวม 56 โรงเรียน 20,129 คน
สำหรับการบริจาคโลหิต เพื่อทดแทนปริมาณสำรองในคลังให้กับสถานพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อนำไปรักษาให้กับผู้ป่วย ผ่านโครงการ “จิตอาสาร่วมบริจาคโลหิตเพื่อชาติ” กองทัพบกเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 11 ม.ค.64 ได้ปริมาณโลหิต ทั้งสิ้น 20,325,642 มิลลิลิตร รวมกำลังพลจิตอาสา 50,627 นาย และในสัปดาห์หน้า ที่สถานศึกษาทั่วประเทศจะเปิดการเรียนการสอนนั้น กองทัพบกได้จัดชุดปฏิบัติการทำความสะอาดล้างสิ่งปนเปื้อนใน 404 พื้นที่ 19 จังหวัด รวม 178 โรงเรียน และจัดชุดช่างจิตอาสาซ่อมแซมปรับปรุงสถานศึกษาที่มีสภาพทรุดโทรม ชำรุด รวมทั้งสิ้น 221 โรงเรียน ดำเนินการไปแล้ว 60 โรงเรียน ระหว่างซ่อมแซม 161 โรงเรียน เพื่อเตรียมสภาพแวดล้อมให้กับนักเรียนรับเปิดเทอม
สำหรับงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนั้น หน่วยทหารทั่วประเทศได้ติดตามสถานการณ์ เตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ สำหรับลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่บางพื้นที่ยังคงประสบปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลถิ่นทุรกันดาร หน่วยทหารจึงได้จัดกำลังพลจิตอาสาพร้อมรถบรรทุกน้ำ เติมน้ำตามบ้านเรือนและแหล่งชุมชน ตามโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง” ดำเนินการตั้งแต่ 1 ต.ค. 63 แจกน้ำได้ 5,266,500 ลิตร ส่วนบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุวาตภัยนั้น กำลังพลชุดช่างจิตอาสาพร้อมยุทโธปกรณ์ เข้าซ่อมแซมบ้านเรือนให้ประชาชน ดำเนินการตั้งแต่ 1 เม.ย .64 ถึงปัจจุบัน ซ่อมบ้านแล้วเสร็จ 2,695 หลัง รวม 24 จังหวัด เพื่อให้กลับมาพักอาศัยดำเนินชีวิตตามปกติ
ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงดำรงความต่อเนื่องทั้งงานด้านการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนโดยเฉพาะการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ยังคงปฏิบัติภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการสนับสนุนรัฐบาลช่วยคลี่คลายสถานการณ์ COVID-19 ในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติดังกล่าว