xs
xsm
sm
md
lg

“ตู่-แม้ว” เดือดข้ามโลก “ปู-ยิ่งลักษณ์” ปรี๊ดแตก! ทิ้งหนี้จำนำข้าวไม่จริง “อัษฎางค์” ยก “ดร.ซุป” ตอกฝ่ายแค้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โต้เดือด นายทักษิณ ชินวัตร ขอบคุณภาพจาก TRUTHFORYOU.CO
เปิดศึกกลางอากาศ! “ตู่-แม้ว” โต้เดือดข้ามโลก “ปู-ยิ่งลักษณ์” ปรี๊ดแตก! “ประยุทธ์” พาดพิง ทิ้งหนี้จำนำข้าวเป็นภาระรัฐบาล จิกหัดโทษตัวเองบ้าง “อัษฎางค์” ยกข้อมูล “ดร.ซุป” แฉ “รัฐบาลลุง” เข้ามา ไม่มีเงินจ่ายหนี้ให้ “ยิ่งเลิฟ”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 พ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความระบุว่า

“ย้อนกลับสุดเจ็บ!!! “บิ๊กตู่” หวด “ทักษิณ” หลังคุยข่ม 6 เดือน ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ท้าเลย “ถ้าทำได้ก็กลับมา”
#พลเอกประยุทธ์ #หวดทักษิณ #ถ้าทำได้ก็กลับมา

โดยสาระสำคัญจาก TRUTHFORYOU.CO ระบุว่า “จากกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” ได้ร่วมเสวนา ในหัวข้อ อยู่มา 7 ปี หนี้ท่วมประเทศ หนี้รัดคอประชาชน มาถามพี่โทนี่ดูว่ามีทางออกไหม

ในคลับเฮาส์และทางเฟซบุ๊กของ CARE คิด เคลื่อน ไทย โดยมีใจความหนึ่ง เรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เมื่อถามว่า หากเป็นทักษิณทำเองจะใช้เวลาเท่าใด นายทักษิณ กล่าวว่า 6 เดือน ขอขิงหน่อย ไม่เชื่อก็อย่าท้า

ล่าสุด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนรับฟังการอภิปรายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า พลเอก ประยุทธ์ พาดพิงโครงการจำนำข้าว เพื่อเบี่ยงประเด็นการบริหารงบประมาณที่ผิดพลาดว่า “ผมไม่พูด ผมไม่อยากพูด”

เมื่อถามว่า ดูเหมือน นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นายทักษิณ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายกฯถี่มากขึ้น พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า “ห้ามเขาได้ไหมล่ะ”

แล้วหากห้ามไม่ได้ต้องชี้แจงใช่หรือไม่นั้น พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า ชี้แจงอย่างไร ซึ่งตนได้ชี้แจงไปแล้ว ตนไม่อยากไปทำร้ายใคร เพียงแต่การปล่อยให้คนในประเทศมาทำร้ายตน มันไม่ถูกต้อง

เมื่อถามย้ำอีกว่า เหตุใดทั้งคู่ถึงออกมาบ่อย มองว่า เขาต้องการอะไร พลเอก ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถาม พร้อมย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “ถามตัวก็ได้” ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ออกมาระบุว่า ถ้าเป็นตัวเองจะใช้เวลาเพียง 6 เดือน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า “หากทำได้ก็ให้กลับมา” ส่วนรัฐบาลจะใช้เวลาเท่าไหร่นั้น พลเอก ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถาม ก่อนย้อนถามผู้สื่อข่าวกลับว่า “เธอพูดเรื่องนี้บ่อย ฉันได้ข่าวว่า เธอติดต่อกับเขาเรื่อยนะ นักข่าวไปรับข้อมูลเขามาแล้วเอามาถาม”

ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขอบคุณภาพ จากเฟซบุ๊กยิ่งลกษณ์
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคำพิพากษาคดีจำนำข้าวอยู่ที่ต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

“เมื่อวานได้ฟังคุณประยุทธ์ชี้แจงในสภาฯ ว่า หนี้สาธารณะเพิ่มเพราะมีหนี้จำนำข้าวในลักษณะที่เป็นการพาดพิงถึงดิฉัน โดยอ้างว่า ท่านใช้หนี้ไปแล้ว 7 แสนห้าพันล้านบาท และเหลือภาระหนี้อีก 2.8 แสนล้านบาท ต้องใช้หนี้อีก 12 ปี ถึงจะหมดนั้น ขอยืนยันว่า “คุณประยุทธ์กล่าวเท็จในสภาฯ” และก็อยากบอกว่า

1. เมื่อคุณประยุทธ์ทำรัฐประหารยึดอำนาจนั้น ยอดหนี้สาธารณะของโครงการ เป็นภาระค้ำประกัน และมียอดไม่ถึง 5 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน และโครงการยังมีสต๊อกข้าวสารหลายแสนล้านบาท ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปสอบถาม รมว.คลัง ของท่านดู เสียดายที่รัฐบาลท่านปล่อยปละให้มีการทุจริต นำข้าวดีๆ เหล่านั้นไปจัดเกรด ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาก่อนมีผลให้นำไปขายในราคาต่ำกว่าราคาจริง เป็นอาหารสัตว์บ้าง เป็นพลังงานบ้าง ซึ่งถ้าขายข้าวกันอย่างสุจริต ภาระคงค้างที่เกิดจากภารกิจช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจังในครั้งนั้น ก็ย่อมจะไม่มาก และโครงการก็มีความคุ้มค่าต่อภารกิจ และเศรษฐกิจโดยรวม ตามรายงานของสภาพัฒน์อีกด้วย

2. ส่วนคำกล่าวหาในลักษณะที่ว่า รัฐบาลดิฉันสร้างหนี้มาก มาดูข้อมูลจริงกันค่ะ ในช่วง 3 ปีงบประมาณ (2555-2557) ที่ดิฉันบริหารงาน การกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุลลดลง ต่อเนื่องทั้ง 3 ปี จาก 400,000 ล้านบาท เป็น 300,000 ล้านบาท และ 250,000 ล้านบาท (และวางเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นงบประมาณสมดุล ในปี 2560) รวมยอดหนี้ 3 ปีงบประมาณ เท่ากับ 950,000 ล้านบาท

3. มาดูฝีมือสร้างหนี้ของคุณประยุทธ์ กันสิคะว่าเป็นอย่างไร การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ที่กำลังลดลงและควรจะลดลงอีก กลับทะยานเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 ที่มียอดเงินกู้ 250,000 ล้านบาท ปรากฏว่า มีการกู้เงินที่มียอดสูงขึ้นในช่วงเวลาอีก 4 ปี ต่อเนื่องก่อนการเลือกตั้ง (2559-2562) เป็น 390,000 ล้านบาท; 552,921.7 ล้านบาท; 550,358 ล้านบาท และ 450,000 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นช่วงก่อนจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เสียอีก

พอปี 2563 และ 2564 ก็ยิ่งกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ คือ 683,000 ล้านบาท และ 623,000 ล้านบาท และในสองปีนี้ยังออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อภารกิจโรคระบาด อีกสองฉบับ ปี 2563 กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และในปี 2564 เมื่อไม่กี่วันก่อนก็กู้อีก 5 แสนล้านบาท และนี่ยังไม่รวมที่ คุณประยุทธ์กำลังเสนอ พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ที่ต้องกู้ชดเชยขาดดุลอีก 7 แสนล้านบาท รวมเป็นยอดเงินกู้ถึง 5.699 ล้านล้านบาท หนี้ขนาดนี้ใช้นานเท่าไหร่จะหมดคะ

4. มาดูดอกเบี้ยจ่ายกันบ้างก็พอจะบอกได้ว่าหนี้ที่ท่านก่อไว้สร้างภาระแค่ไหน งบประมาณปี 2565 ที่กำลังอภิปรายกันอยู่ มียอดรวม 3.1 ล้านล้านบาทนี้ ต้องจัดเตรียมไว้จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 182,988 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น ถึง 67% เมื่อเทียบกับ สมัยรัฐบาลดิฉัน ในปีงบประมาณ 2557 ก่อนรัฐประหาร งบจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่เพียง 109,511 ล้านบาท ดอกเบี้ยสูงขึ้นมาก เพราะคุณประยุทธ์กู้เงินมากมาย

5. รัฐบาลดิฉันวางระบบชำระคืนหนี้สาธารณะก้อนโตที่ทิ้งค้างไว้ตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ทำให้รัฐบาลคุณประยุทธ์นอกจากจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแล้ว ยังลดยอดหนี้สาธารณะลงไปหลายแสนล้านบาท โดยท่านไม่ต้องทำอะไรเลย แทนที่จะชื่นชมรัฐบาลก่อน กลับเอาแต่โทษโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อเบี่ยงเบนความเสียหายที่ท่านก่อขึ้น

วันนี้ดิฉันไม่ได้บริหารประเทศมา 7 ปีแล้ว คุณประยุทธ์หัดโทษตัวบ้างเถอะค่ะ อย่าโทษแต่ดิฉันเลย ดิฉันฟังมา 7 ปีแล้ว สุภาพบุรุษ ชายชาติทหารเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกค่ะ”

ภาพ นายอัษฎางค์ ยมนาค จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ด้านประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “เปิดเนตรสามกีบใจบอดที่ถูกเสกมนต์โดยสามสัส”

เรื่องที่ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ ศาสตราจารย์พิเศษหลายสถาบัน อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO)

กล่าวถึงเรื่องฐานะทางการเงินของประเทศไทยในยุครัฐบาลลุงตู่ ว่า เมื่อรัฐบาลลุงตู่เข้ามาบริหารประเทศ

• เงินคงคลังไทยติดลบ

• ไม่มีเงินจ่ายค่าจำนำข้าว

• ต้องกู้ยืมธนาคารในประเทศแสนล้าน

• เพื่อจ่ายเงินให้ชาวนาที่เอาข้าวไปจำนำแล้วไม่ได้เงิน

ทำให้ได้คำตอบที่ตอกหน้า คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งออกมาอัดรัฐบาล “บิ๊กตู่” ว่าเอาแต่ผลาญงบประมาณ แถมกู้เงินไม่ยั้ง

รวมทั้งที่ทักษิณออกมาจับผิดและทำเป็นสอนรัฐบาลลุงตู่ว่าต้องบริหารประเทศยังไง

ขอบคุณภาพ  จากเฟซบ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค
ทั้งที่ความจริงเกิดคอร์รัปชันครั้งใหญ่เกิดขึ้นในรัฐบาลก่อนที่ลุงตู่จะเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะรัฐบาลที่มียิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ทิ้งหนี้แสนล้านจากการทุจริตโครงการจำนำข้าว เอาไว้ให้รัฐบาลลุงตู่ต้องกู้เงินมาชดใช้

แล้วเมื่อรัฐบาลลุงตู่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินเพียง 3 ปี ก็พลิกฟื้นเศรษฐกิจได้สำเร็จ กลายเป็นประเทศหนึ่งที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในเอเชียรองจากจีนและญี่ปุ่น

โดยทำให้ประเทศไทย มีเงินคงคลังสำรองสูงเป็นอันดับที่ 18 ของโลก
พรรคเพื่อไทยคือ อดีตพรรคไทยรักไทย ที่ทั้งนายกฯผู้พี่และนายกฯผู้น้อง ต้องพ้นจากอำนาจทางการเมือง เพราะถูกจับได้ว่า มีการกระทำทุจริตคอร์รัปชั่นระดับนโยบาย ด้วยการบริหารราชการแบบเผด็จการทางรัฐสภา ที่ความเป็นประชาธิปไตยไม่สามารถเอาผิดหรือจัดการได้ จึงต้องลงเอยด้วยการใช้กำลังทหารในการทำรัฐประหาร

คนเหนือชื่อใต้ ผู้ไม่เคยยอมแพ้ ทั้งที่รู้ว่าสู้ก็ไม่มีวันชนะ แต่ก็ยังดิ้นเป็นแมวเก้าชีวิต โดยใช้มาทุกกลยุทธ์ รวมทั้งมีการกล่าวกันถึงขั้นว่า คิดจะล้มล้างการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ด้วยมวลชนเสื้อแดงที่มีคอมมิวนิสต์หลงยุคสนับสนุนอย่างลับๆ ที่ไม่ลับ ก็ไม่เคยสำเร็จ

จนในที่สุดต้องอาศัยคนรุ่นลูกมาสืบทอดภารกิจ ในนามคณะสามสัสที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อล้างมลทินให้ 2 พี่น้อง โดยการร่ายมนต์สะกดจิตซอมบี้ 3 กีบ ให้คล้อยตามว่า รัฐบาลลุงตู่ทำอะไรก็ไม่เป็นเรื่องสักอย่าง บริหารประเทศมาหลายปี เอาแต่ผลาญงบประมาณ แถมกู้เงินไม่ยั้ง แต่ไร้ซึ่งเผลงานใดๆ

แต่ความจริงผลงานรัฐบาลลุงตู่มีมากมาย หนึ่งในนั้นที่เห็นกันชัดเจนคือ การรับมือโควิด ที่สร้างชื่อเสียงระบือโลก

ล่าสุดคือ ผลงานด้านการเงินการคลัง ที่ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ ออกมาเปิดเนตรชาวไทยและซอมบี้ 3 กีบ ที่ใจบอด

ผลงานยอดเยี่ยมของรัฐบาลลุงตู่มีอยู่ไม่น้อย แต่ผลงานวิจัยยอดแย่ของรัฐบาลนี้มีอยู่อย่างหนึ่งที่เห็นชัดเจนที่สุด คือ การที่ปล่อยให้สามสัสสร้างสามกีบหี้เติบโตขึ้นทุกวันๆ และทุกวัน โดยที่ไม่มีวี่แววว่าจะจบลงยังไง”

แน่นอน, การเปิดศึกทางการเมืองของ “พล.อ.ประยุทธ์-นายทักษิณ-นางสาวยิ่งลักษณ์” ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่คนไทยรับรู้มาตลอด และรู้ดีว่า เกิดอะไรขึ้น

คนไทย รู้ดีว่า นายทักษิณ หนีออกนอกประเทศ เพราะถูกศาลตัดสินจำคุก และมีคดีอีกจำนวนมากที่ถูกฟ้องอยู่ในศาล ส่วนใหญ่ เป็นคดีทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ในยุคที่มีอำนาจล้มฟ้า มี ส.ส.ในสภาอย่างล้นหลาม จึงไม่เกรงกลัวในการทำผิดกฎหมาย และไม่เกรงกลัวที่จะถูกล้มรัฐบาลในสภาฯ

จนที่สุดก็ถูกเดินขบวนขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ส่วน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูก กปปส.เดินขบวนขับไล่ เนื่องจากมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งเป้าหมาย ก็คือ ช่วย “ทักษิณ” ให้หลุดพ้นคดี รวมถึงมีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ในทุกขั้นตอน และข้อพิสูจน์ก็คือ รัฐมนตรีและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ถูกศาลตันสินจำคุกไปแล้ว หลายคน และคนละหลายปี

ส่วน “ยิ่งลักษณ์” หนีออกนอกประเทศ โดยไม่ไปฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาลับหลังในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว โดยมีคำพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเวลา 5 ปี โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รอลงอาญา

สำหรับประชาชนคนไทย ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่าย สองขั้วขัดแย้ง คือ กลุ่มคนเสื้อแดง ที่ถูกจัดตั้งทั่วประเทศ เพื่อต่อสู้ให้ “ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์” กับกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่ออกมาประท้วงรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนวันนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น คือ ฐานการเมือง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ก็คือ คนเสื้อแดง นั่นเอง

และที่ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เคลื่อนไหวอยู่เวลานี้ ก็เพื่อต้องการสื่อสารกับฐานเสียงคนเสื้อแดง เพราะพวกเขารู้อยู่แก่ใจดี ต่อให้คนไทยส่วนใหญ่ไม่เชื่อ แต่คนเสื้อแดงเชื่อ อย่างไม่ต้องการเหตุผลใดๆ รองรับ

นี่คือ ความจริงที่อยู่เหนือ การอวดอ้าง อยู่เหนือคำแก้ตัว อยู่เหนือ คำโกหกลวงโลกต่างๆ นานา ที่กำลังจะทำให้คนไทยสับสนวุ่นวาย ถามว่า ถ้าเก่งจริงหนีทำไม ทำไมไม่สู้ตั้งแต่วันนั้น แล้วจะมาสู้อะไรในต่างประเทศ ที่ทำได้อย่างดีก็แค่ปลุกระดมให้คนเกลียดรัฐบาล และบั่นทอนความมั่นคงของประเทศ คิดหรือว่า นอกจากคนเสื้อแดงแล้ว คนไทยจะเชื่อน้ำลายคนโกง?

ความผิดร้ายแรงในอดีตมันฝังแน่นเสียแล้ว!


กำลังโหลดความคิดเห็น