รมว.ยธ. เผย คลัสเตอร์เรือนจำป้องกันยากเพราะแออัด ชี้ทำที่นอนสองชั้นรับเพิ่มได้ 70,000 คน ยันจัดอาหารตามมาตรฐานโภชนาการกรมอนามัย แจงยิบงบก่อสร้างส่วนใหญ่ผูกพันจากเดิม เดินหน้านิคมฯราชทัณฑ์-กม.JSOC เร่งให้เสร็จเดือนนี้
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17.45 น. ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวอภิปรายว่า มีสมาชิกผู้อภิปรายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตนขอชี้แจงกรณีที่ระบุว่า เรือนจำมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นคลัสเตอร์ใหญ่แม้จะเป็นพื้นที่ปิดนั้น เราจะคิดแบบด้านนอกไม่ได้ ด้านนอกการรักษาระยะห่างอยู่ที่ 1.5-2 เมตร และคนไม่ได้ใกล้กันมาก แต่สำหรับในเรือนจำคับแคบ แน่น การรักษาระยะห่างทำไม่ได้ เวลานอนห่างกันแค่ 2-3 เซนติเมตรเท่านั้น เรือนนอนไม่สามารถเข้าสู่มาตรฐานสากล คือ 2.25 ตร.ม.ได้ ทำให้เชื้อเมื่อหลุดเข้าไปติดต่อกันได้ง่ายมาก นี่เป็นจุดอ่อนที่ต้องชี้แจงให้ท่านทราบ ส่วนเรื่องของผู้ต้องหาทางการเมืองที่ไม่ได้สิทธิประกันตัว หน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมเราอำนวยความสะดวกและยุติธรรมเต็มที่ แต่ในส่วนของการประกันตัวเป็นอำนาจของศาล ซึ่งนอกเหนือจากอำนาจของเรา ในส่วนของคุณภาพอาหารคือ 18 บาทต่อมื้อต่อคนอาหาร ซึ่งสำนักงบประมาณคิดจากจำนวนผู้ต้องขังเด็ดขาด 220,000 คนเท่านั้น ส่วนสเป็คของอาหารต้องทำตามกรมอนามัย คิดถึงสารอาหารและพลังงานตามมาตรฐาน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องเตียงนอน 2 ชั้นที่ท่านสมาชิกถาม ก่อนที่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ผู้ต้องขังนอนได้ 220,000 คน หากคิดตามมาตรฐาน 1.2 ตร.ม.ต่อคน และต่อมาตนได้ปรับปรุงได้ใช้งบประมาณ 80 ล้านบาท ยกพื้นขึ้นมาเป็นที่นอนอีกชั้น แต่อาจจะสร้างได้ 20-30% ไม่สามารถสร้างได้ทั้งชั้นเพราะจะปิดทึบ ใช้เงินประมาณ 2,000 บาทต่อ ตร.ม. ซึ่งตอนนี้สามารถรองรับผู้ขังเพิ่มเป็นประมาณ 290,000 คนตามมาตรฐาน 1.2 ตร.ม.ต่อคน ในส่วนของงบก่อสร้างเรือนจำข้อเท็จจริงจริงปีนี้กรมราชทัณฑ์ได้เพียง 1,776 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกก่อสร้างใหม่ 2 แห่ง คือ 1.เรือนจำบุรีรัมย์ 289 ล้านบาท หลังจากถูกเผาเมื่อ มี.ค. 2563 รองรับผู้ต้องขังได้ 3,000 คน 2. ขยายพื้นที่แดน เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี 53 ล้านบาท บูรณะพื้นที่ทรุดโทรม รองรับเพิ่มได้อีก 800 คน ส่วนที่สอง การก่อสร้างผูกพันเดิม 10 รายการ เช่น เรือนจำกลางพัทลุง เรือนจำกลางสุราษฎร์ เรือนจำจังหวัดนครนายก เรือนจำจังหวัดระยอง ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ รวมทั้งหมด 1,147 ล้านบาท และส่วนที่สาม การก่อสร้างปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละเรือนจำ 224 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า งบประมาณกองทุนยุติธรรมที่ท่านสงสัยว่าได้แค่ 30 ล้านบาท ตนต้องอธิบายว่า กองทุนยุติธรรม มีแผนใช้จ่าย 263 ล้านบาท ซึ่งเราได้เงินคืนที่ช่วยการประกันตัวจากคดีที่ถึงที่สุดแล้ว 100 ล้านบาท เงินสะสมที่นำมาสมทบเพิ่ม 133 ล้านบาท ดังนั้น งบประมาณ 30 ล้านบาท จึงไม่มีผลต่อการให้ความช่วยเหลือประชาชน ในส่วนข้อสงสัยงบประมาณพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง เราต้องสร้างความรู้ความเข้าใจฝึกอาชีพไปในตัว งบประมาณ 93 ล้านบาท เรามีหลักสูตรการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ปฐมนิเทศผู้ต้องขังเข้าใหม่ หลักสูตร 7 โปรแกรม และหลักสูตรการเรียนและการสร้างอาชีพ เช่น การปลูกทุเรียน การเลี้ยงโคขุน ส่วนข้อสงสัยเรื่องการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ตนยืนยันเราทำแน่นอน เดือนนี้จะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการ และเดือนหน้าเราจะนำเรื่องเข้าครม.เพื่อพิจารณา นอกจากนี้ ยังมีกฎหมาย JSOC ที่เรากำลังเดินหน้าจัดทำให้เรียบร้อยภายในเดือนนี้ แต่ตนขอยืนยันอีกครั้งว่า เราจะไม่พักโทษผู้ต้องขังคดีร้ายแรง 7 ประเภทหรือหากจะมีการลดโทษเราจะลดให้น้อยที่ เพื่อให้สังคมเกิดความปลอดภัย นี่คืองานที่กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการ