“ไทยสร้างไทย” ชี้ งบซื้ออาวุธไม่ได้ก่อให้เกิดการลงทุนในประเทศ ไม่เกิดการหมุนของเงิน จ่ายเงินซื้อปุ๊บ เงินไหลออกต่างประเทศปั๊บ ยกหลักเศรษฐศาสตร์จัดงบฯต้องให้หมุนในระบบ แนะ รบ.จัดความสำคัญใช้ภาษี ปชช. ที่ทุกบาทต้องก่อประโยชน์ทาง ศก.สูงสุด
วันนี้ (1 มิ.ย. 64) น.ส.เกณิกา ตาปสนันทน์ คณะทำงานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาวาระที่ 1 ของสภาผู้แทนราษฎร โดยตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ว่า การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นั้น เมื่อเราจ่ายเงินซื้ออาวุธเหล่านั้นไปแล้ว เงินก็ไหลสู่มือประเทศที่ขายอาวุธให้กับเราทันที ไม่ได้ก่อให้เกิดการลงทุน ไม่ได้ก่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศ ไม่ได้ก่อให้เกิดการหมุนของเงินในระบบอย่างที่ควรจะเป็น ในห้วงภาวะวิกฤตเช่นนี้ การใช้งบประมาณของรัฐที่มาจากภาษีของเรา ควรใช้อย่างคุ้มค่า เกิดการหมุนรอบของเงิน หรือที่ภาษาเศรษฐศาสตร์เรียกว่า multiplier effect ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่การลงทุนของรัฐ 1 บาท จะสามารถหมุนรอบในระบบ ให้เกิดผลทวีคูณทางเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด
น.ส.เกณิกา ยกตัวอย่างด้วยว่า หากรัฐใช้งบประมาณจ้างงานในท้องถิ่น นายส้มที่ได้รับเงินจ้างงานนั้น ก็จะนำไปซื้อข้าวร้านยายแดง ยายแดงก็นำเงินนั้นไปซื้อวัตถุดิบจากร้านยายเขียว ยายเขียวก็เอาเงินนั้นไปซื้อของมาขายในร้านในวันถัดไป นี่คือตัวอย่างของการใช้งบประมาณแล้วเกิดการหมุนของเงิน แต่หากเป็นการใช้เงินซื้ออาวุธ แน่นอนว่า จะไม่เกิดการหมุนของเงินในระบบเศรษฐกิจเลย หนำซ้ำเงินยังไหลออกนอกประเทศของเรา ไปยังประเทศผู้ขายอาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านั้นให้เรา เป็นการเพิ่ม GDP ให้แก่ประเทศที่เราซื้ออาวุธ และลด GDP ของประเทศเรา
“ย้ำอีกครั้งว่าในยามวิกฤตเช่นนี้ รัฐต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณ ที่มาจากภาษีของเราทุกคนตามลำดับความสำคัญ อันไหนเร่งด่วน ต้องใช้ก็ใช้ อันไหนรอได้ก็ต้องรอไปก่อน ทุกบาทที่รัฐจ่ายไป ต้องมั่นใจว่าจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสูงสุด เพื่อให้ผลประโยชน์นั้นกระจายสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อให้ประเทศรอดพ้นจากมหาวิกฤตในครั้งนี้ และเพื่อให้เราชนะไปด้วยกันจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ลมปากของผู้นำ” น.ส.เกณิกา ระบุ.