“แรมโบ้” เห็นด้วย ดีอีเอส ดำเนินคดี “แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด” ทำรัฐบาลเสียหาย ประชาชนเข้าใจผิด แอบอ้างมีวัคซีนซิโนฟาร์ม 20 ล้านโดส แต่ติดต่อนายกฯ-รมว.สธ.เพื่อขายให้รัฐบาลไทยไม่ได้ แนะฟัน “ดวงฤทธ์” และกลุ่มแคร์ด้วย ฐานแพร่ข้อมูลเท็จ
วันนี้ (30 พ.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส จะรวบรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด และดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีทำหนังสือถึงเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีเนื้อหาอ้างว่า บริษัท แอคแคปฯ สามารถจัดหาวัคซีนซิโนฟาร์ม จำนวน 20 ล้านโดส และสามารถจัดส่งให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่ไม่สามารถติดต่อขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้นั้น
ซึ่งเรื่องดังกล่าวนอกจากจะไม่มีข้อเท็จจริงแล้ว การทำหนังสือมีเนื้อหาพาดพิงถึงนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยังทำให้เกิดความเสียหาย และยังทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในตัวนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่ตามกระบวนการแล้วการที่จะประสานในเรื่องของวัคซีนต้องเป็นไปตามกระบวนการอยู่แล้ว เข้าช่องทางที่ถูกต้องคือองค์การอาหารและยา (อย.) และองค์การเภสัชกรรม ไม่ใช่อยู่ที่นายกฯ หรือรัฐมนตรี
บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด หากต้องการที่อยากจะเสนอขายวัคซีนให้กับภาครัฐก็ควรที่จะทำให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่มีอยู่ เช่นเดียวกันกับบริษัท ไบโอเจเนเทค จำกัด ที่ได้เข้ามาตามขั้นตอน และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้อนุมัติการขึ้นทะเบียนวัคซีนซิโนฟาร์มเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทาง อย.ยังได้อนุมัติแล้ว 4 รายได้แก่ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด วัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลค จำกัด รวมถึงวัคซีนโมเดอร์นา โดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด
และยังมีอีก 2 ราย อยู่ระหว่างทยอยยื่นเอกสารพร้อมประเมินคำขอขึ้นทะเบียนต่อเนื่อง ได้แก่ วัคซีนโควัคซีน ที่ขอขึ้นทะเบียนโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด และวัคซีนสปุตนิค วี โดยบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด
“ตัวอย่างก็มีให้เห็นในหลายบริษัทแล้วว่าเดินมาตามขั้นตอนอย่างไรบ้าง บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ก็ควรที่จะทำตามขั้นตอนเช่นนั้น และไม่ใช่ว่าจะทำหนังสือถึงเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เช่นนี้ เพื่อออกมาให้เกิดความเสียหาย โดยที่ไม่ยอมเดินตามกระบวนการขั้นตอน เจตนาเพื่อส่งผลกระทบกับนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งยังทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อรัฐบาล จนถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์ทำให้รัฐบาลเสื่อมเสียภาพพจน์ในสายตาประชาชนได้ พฤติกรรมเช่นนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง
“ดังนั้น การที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะรวบรวมหลักฐานเพื่อไปแจ้งความดำเนินคดีถือเป็นเรื่องที่มีความถูกต้องแล้ว จะได้ไม่เป็นตัวอย่างให้กับบริษัทฯนายหน้า นักวิ่งล็อบบี้ยิสต์ทั้งหลาย ที่ชอบวิ่งเต้นหาเส้นสายผู้ใหญ่ โดยไม่ยอมเข้าสู่กระบวนที่ถูกต้อง อีกทั้งยังให้ข้อมูลที่ใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ และรัฐมนตรีโดยเอาบุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับนายทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มแคร์ เช่น นายดวงฤทธิ์ บุนนาค ได้เอาข้อมูลอันเป็นเท็จไปโพสต์ กล่าวใส่ความรัฐบาลให้เสียหาย พฤติกรรมเช่นนี้สมควรที่จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกันกับบริษัทฯ ดังกล่าวด้วย” นายเสกสกล กล่าว