ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“สนธิ” ฝากถึง “ณวัฒน์” ไม่โต้คนไม่มีราคา ขอสู้กับคนมีปัญญาดีกว่า แต่เมื่อหิวแสงจัด ก็จัด “สปอตไลต์” ส่องให้ ชอบอวย “ชู 3 นิ้ว” คำถามถึงช่อง 3 ปล่อยได้ไง?
ไหนๆ เมื่อพูดถึงเรื่องความสวยของสาวงามบนเวทีประกวดนางงาม ก็ต้องขอพูดถึง “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ผู้จัดประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ อีกสักครั้ง ที่วันก่อนออกมาพูดปฏิเสธจะไม่ฉีดวัคซีนจีน เพราะเป็น “วัคซีนเสิ่นเจิ้น” ทำนองดูถูกมาตรฐานวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาฉีดคนไทย แล้วถูก “สนธิ ลิ้มทองกุล” สื่อรุ่นใหญ่ ออกมาวิจารณ์ให้ “ณวัฒน์” หยุดพูดในเรื่องที่ไม่รู้จริง
ต่อมา “ณวัฒน์” ก็ออกมาไลฟ์สด ตอบโต้ “สนธิ” กลับ พร้อมๆ กับยกความขัดแย้งระหว่างสีเสื้อในอดีตขึ้นมาทำให้สังคมแตกแยกกล่าวหา “สนธิ” และ “จำลอง ศรีเมือง” เป็นต้นเหตุ โดยที่เขามีสิทธิ์จะวิจารณ์เรื่องของวัคซีน หรือเรื่องรัฐบาลได้ เพราะเป็นคนที่รักประชาธิปไตย ไม่ทำอะไรที่ไปบังคับคนอื่นให้คิดเหมือนกับตนเองแบบที่สนธิทำ
งานนี้ข่าวปนฯคนปะหน้า “สนธิ” ก็เลยลองถามถึง “ณวัฒน์” ที่จัดมาแบบนี้ สนธิจะว่าอย่างไร ?
“สนธิ” จึงขอฝากถึง “ณวัฒน์” ว่า ไม่อยากจะตอบโต้อะไรกับ “คนไม่มีราคา” สู้ตอบโต้กับ “คนที่มีปัญญา” จะดีกว่า!!
“ณวัฒน์” เมื่อรู้เรื่องการประกวดนางงามดี ก็ควรจะอยู่ในที่ที่ชอบจะดีกว่า ออกมาวิจารณ์เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องที่รู้เหมือนคน “หิวแสง” ตลอดเวลา เมื่อ “ณวัฒน์” ทำตัวหิวแสงจัด ก็จัดสปอตไลต์ส่องให้ไปแล้ว ก็เท่านั้น
สั้นๆ แต้มีความหมาย !
ฟังว่า หลังรายการเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ที่พูดถึง “ณวัฒน์” ออกไปมีคนเข้ามามีส่วนร่วมมากกว่า 4 ล้าน พร้อมกับจำนวนคนเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมากที่ “ณวัฒน์”คงไม่ปลื้ม แน่ๆ แต่ก็เรียกว่า ณวัฒน์ "ได้แสง" ไปเต็มๆ จึงเป็นที่มาของการออกมาแซะสนธิ ตามหลัง
วามเห็นที่มีต่อ “ณวัฒน์” ส่วนใหญ่บอกว่า เสียแรงที่เคยติดตามผลงานผู้จัดมิสแกรนด์ แต่การเอาเรื่องความรู้สึกส่วนตัวต่อวัคซีนจีนมาเหยียด แถมพอตอบโต้ “สนธิ” ก็อ้างเรื่องประชาธิปไตย แต่ไม่ยอมรับความเห็นต่างของคนอื่นแบบนี้ ทำให้อดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไป ก็เข้าใจได้ว่า “ณวัฒน์” ที่ใช้สื่อแซะคนอื่น เพราะอยูฝ่ายประชาธิปไตย หลงใหลได้ปลื้มขบวนการ 3 นิ้ว หรือเปล่า ? เพียงแต่ชอบทำตัวเป็น “อีแอบ” ยกเหตุผลนู่นนี่ มาพรางตัวเองไว้
ลองไปดูเวทีประกวดนางงามมิสแกรนด์ ครั้งที่ผ่านๆ มา ก็จะรู้ว่า ใช่หรือไม่ ? ที่เจ้าตัวสนับสนุนให้สาวงามผู้เข้าประกวด “ชู 3 นิ้ว” บนเวทีได้ และอีกหลายๆ ครั้งที่ “ณวัฒน์ ณ หิวแสง” แสดงความเห็นไลฟ์สดยกประชาธิปไตยฟาดรัฐบาลเคลื่อนไหวไปทางเดียวกันกับติ่ง 3 นิ้ว
“ณวัฒน์” อ้างว่า กองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ของเขาไม่ปิดกั้นนางงามแสดงความคิดเห็น ชี้เป็นสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ เป็นสิทธิและเสรีภาพในการพูด (freedom of speech) ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องให้การสนับสนุนให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ประชาธิปไตย จะ “ชูสาม นิ้ว-ผูกโบขาว” แสดงจุดยืน ก็เป็นสัญลักษณ์การเรียกร้องทำให้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง มีทั้งเสียงชื่นชมที่กล้าก้าวข้ามความกลัว ฉายภาพให้เห็นจุดยืนชัดเจน
นี่ก็อยากจะตั้งคำถามไปถึง ผู้บริหารช่องทีวี ที่ร่วมงานกับ"ณวัฒน์ไ โดยเฉพาะ"ช่อง3" ปล่อย ณวัฒน์ไว้ได้อย่างไร ก็รู้กันอยู่ว่า ขบวนการ 3 นิ้ว พฤติการณ์แกนนำเป็นกลุ่มคนที่เรียกร้องไม่เอาสถาบันฯ ลึกๆ ก็พูดได้ว่าเป็นพวก “ชังชาติ ศาสน์ กษัตริย“” แล้ว “ณวัฒน์” ยังสนับสนุน หรือผู้บริหารช่อง 3 จะเห็นดีเห็นงามไปด้วย จะไม่ให้คิดได้อย่างไร ?
เรื่อง “ณวัฒน์” คนหิวแสงยังมีอีกมาก เรียกร้องประชาธิปไตยก็ส่วนหนึ่ง สลับกับใครมาเข้าทางให้หาแซะได้แซะไปเพื่อหาแสงใส่ตัว อย่างที่แวะมาแซะ "แอน-จักรพงษ์"เจ้าแม่ JKN ก็คราหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเทียบคู่กรณีไม่ติดซะแล้ว เพราะ "แอน" จิตอาสาตั้งโครงการบริจาคข้าวกล่องล้านกล่อง ให้บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยโควิด ขณะที่ “ณวัฒน์” ส่วนมากใช้เวลาไลฟ์สดขายของออนไลน์ ทั้งเซรั่มนางงาม น้ำพริกนางงาม ของตัวเอง ช่วงโควิด ก็ยังดำเนินต่อไม่รอแล้วนะ
นั่นก็ว่ากันไปตามประสาประชาธิปไตยแบบไทยๆ แบบ “ณวัฒน์” ใครชอบอะไรก็นานาจิตตัง ไม่ผิดกติกา แต่ที่ถามกันมาก นั่งดูไลฟ์สดไปสงสัยกันไปมากกว่าตัวสินค้าก็เห็นจะเป็นทรงผมของณวัฒน์ ที่แม้แต่ท่านผู้นำเผด็จการตัวพ่อ “คิมจองอึน” ยังต้องหลบไป อยากถามเหลือเกินทรงนี้ท่านได้แต่ใดมา
** มงไม่ลง “อแมนด้า” กลายเป็นความผิดของลุงตู่ ที่ “สามกีบ” บอกว่าเป็นเพราะประเทศของเธอ มีผู้นำที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
จบลงไปแล้วกับการเฟ้นหาสาวงาม บนเวที มิสยูนิเวิร์ส 2020 ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา โดย “แอนเดรีย เมซ่า” มิสยูนิเวิร์ส เม็กซิโก คว้ามงกุฎจักรวาลไปครอง
ส่วน “อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม” มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ สาวงามจากประเทศไทย ฝ่าฟันไปได้เพียงรอบ 10 คนสุดท้าย ไม่มีโอกาสจับไมค์ตอบคำถาม แสดงความคิดเห็น ปฏิภาณ ไหวพริบ เรียกเสียงปรบมือจากบรรดาแฟนคลับ หรือนำการตอบคำถามมาขยายความต่อ
ขณะที่"ธูซาร์ วินท์ ลวิน" มิสยูนิเวิร์ส เมียนมา คว้ารางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม โดยชุดประจำชาติของเธอนอกจากมีความสวยงามแล้ว ไฮไลต์ ที่มีการพูดถึงกันมากน่าจะอยู่ที่ ป้ายข้อความว่า #PrayForMyanmar ที่เธอนำมาชูประกอบด้วย
แน่นอนว่าหลังการประกวดแทบทุกครั้งจะมีดรามาตามมา โดยเฉพาะในยุคโซเชียลฯ ที่ผู้คนสามารถแสดงความเห็นได้อย่างเสรี และเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาดรามา ก็หนีไม่พ้นที่จะไปผูกโยงกับการเมือง
อย่างเช่น “แอนเดรีย เมซ่า” ที่ได้ครองมงกุฎจักรวาล ก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นเพราะสหรัฐอเมริกา เจ้าภาพการประกวดครั้งนี้ ต้องการฟื้นความสัมพันธ์กับเม็กซิโก หลังจากยุคประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเม็กซิโกจนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแย่ลง อีกทั้งกรรมการผู้ตัดสินส่วนใหญ่มาจากประเทศในกลุ่มละตินอเมริกา
ส่วน “ธูซาร์ วินท์ ลวิน” ที่ได้รางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมนั้น ไม่ได้อยู่ที่ชุดที่เธอสวมใส่ แต่อยู่ที่ป้ายข้อความ #PrayForMyanmar มากกว่า เพราะเป็นการประกาศต่อชาวโลกว่า เธอต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาขณะนี้ โดยเฉพาะก่อนที่เธอจะเดินทางไปประกวด ก็ได้เข้าร่วมเดินขบวนต่อต้านเผด็จการทหารในเมียนมาอย่างแข็งขัน มีภาพปรากฏออกมาอย่างต่อเนือง
ล่าสุด มีข่าวว่า เธอถูกทางการเมียนมาออกหมายจับจากการแสดงออกบนเวทีในครั้งนี้
ขณะที่ “อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม” สาวงามจากประเทศไทย ที่กองเชียร์ส่วนใหญ่อยากเห็นเธอคว้ามงกุฎมาให้ชาวไทยได้ชื่นชม แต่เมื่อไปไม่ถึงฝัน ก็ได้แต่ให้กำลังใจว่าทำดีที่สุดแล้ว ... แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่แสดงความเห็นจนกลายเป็นดรามา ว่าที่มงไม่ลง “อแมนด้า” เพราะเหตุผลทางการเมืองที่ไทย มีผู้นำที่ไม่เป็นประชาธิปไตย !!
“อแมนด้า” เป็นลูกครึ่ง คุณแม่เป็นคนไทย คุณพ่อเป็นชาวแคนาดา เชื้อสายดัตช์ เกิดและเติบโตที่ภูเก็ต ช่วงมัธยมต้น เรียนที่โรงเรียนสตรีภูเก็ต และไปต่อไฮสคูลจนจบเกรด 12 ที่โรงเรียนนานาชาติบริติช ภูเก็ต แล้วบินไปเรียนต่อปริญญาตรี ที่ University Of Toronto จบปริญญาตรี ด้านการจัดการและบริหารธุรกิจ คว้าเกียรตินิยมอันดับ 1
เรียกได้ว่า”สวยแบบมีสมอง”
ด้านความงาม เธอผ่านมาหลายเวที ทั้ง มิสแกรนด์ภูเก็ต มิสไทยแลนด์เวิลด์ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ และคว้าตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ไปครองได้สำเร็จ เมื่อเดือน ต.ค.63 และได้เป็นตัวแทนไประกวดมิสยูนิเวิร์ส ในครั้งนี้
“อแมนด้า” ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีทัศนคติ ความคิดเห็นทางการเมืองที่ยึดหลักประชาธิปไตย ยืนยันได้จากข้อความที่เธอโพสต์ในไอจีสตอรี่ ช่วงที่เธอได้ตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ว่า สิ่งที่เธอยึดมั่น ได้แก่ 1. ประชาธิปไตย 2. หลักการสิทธิมนุษยชน คือหัวใจหลักในการปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ 3. ต่อต้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ 4. เสรีภาพในการพูดบนพื้นฐานความจริง 5. ความเท่าเทียมกันของทุกคน Be safe everyone
ในจังหวะที่เธอโพสต์ข้อความข้างต้นนั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่ “คณะราษฎร” ได้มีการชุมนุมต่อเนื่อง โดยมีมวลชนปักหลักอยู่ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่ และมีการควบคุมตัวแกนนำบางส่วนไป
“อแมนด้า” จึงกลายเป็นขวัญใจ เป็นแนวร่วมของ “กลุ่มสามนิ้ว” ไปตั้งแต่บัดนั้น และต่อมาเธอยังแสดงความเห็นผ่านโซเชียลฯ ในเชิงสนับสนุนการชุมนุมอยู่เป็นระยะๆ อย่างเช่น...“อำนาจในมือของผู้มีอำนาจนั้น ที่จริงแล้วเป็นอำนาจของประชาชน”
การไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส ครั้งนี้ นอกจากจะได้รับแรงเชียร์ แรงใจ จากคนทั้งประเทศที่อยากให้เธอประสบความสำเร็จแล้ว ยังได้กำลังใจพิเศษ จากกลุ่มสามนิ้วด้วย
ว่ากันว่ามีการเตรียมซ้อมตอบคำถาม โดยตั้งโจทย์ถึงการเลือกผู้นำประเทศ... ถ้าถูกถามว่า "ถ้าคุณจะต้องเลือกผู้นำ ระหว่างผู้ที่มีความสามารถในการบริหารประเทศ แต่มีเรื่องคอร์รัปชันเล็กน้อย กับผู้นำที่ค่อนข้างไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ แต่ไม่มีเรื่องคอร์รัปชันเลย คุณจะเลือกผู้นำแบบไหน"
ซึ่ง "อแมนด้า"จะต้องตอบว่า "คอร์รัปชันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องโดยประการทั้งปวง และไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าบนแผ่นดินประเทศใดก็ตาม ถ้าฉันจะต้องเลือกผู้นำ ฉันจะขอเลือกผู้นำที่มีความสามารถที่จะนำพาประเทศชาติไปได้ แม้ว่าเขาอาจจะมีเรื่องคอร์รัปชันอยู่บ้าง เพราะฉันเชื่อเสมอว่าประเทศจะรุ่งเรืองขึ้นได้ ถ้าเราเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง และถ้าเรามีผู้นำที่คอยพยุงพัฒนาเศรษฐกิจได้ จะทำให้เกิดสิ่งดีๆ กับทุกคนได้และประชาชนก็จะศรัทธาในตัวท่านเอง”
แต่บังเอิญว่าการประกวดครั้งนี้ “อแมนด้า“ ไปไม่ถึงรอบ 5 คนสุดท้าย ที่จะมีโอกาสจับไมค์ ตอบคำถาม จึงทำให้ “กลุ่มสามนิ้ว” ผิดหวังมากที่ “คนสวยแบบมีสมอง” ไปไม่ถึงฝัน เลยพานมาลงที่ “ลุงตู่” ว่าเป็นเพราะเธอมาจากประเทศที่มีผู้นำไม่เป็นประชาธิปไตย
นี่แหละดรามานางงามกับการเมืองแบบไทยๆ !!