กมธ.เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา จัดประชุมวาระเร่งด่วนทางออนไลน์ เพื่อถกปัญหาการเข้าถึงการใช้งานผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารของประชาชนที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 โดยเสนอให้รัฐบาลและ ศบค.เน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกผ่านการส่งข้อความ SMS เพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องสู่ประชาชนทุกกลุ่มของประเทศ นอกจากนี้ยังร่วมหารือแนวทางการรับมือปัญหา Fake News ที่สร้างความแตกตื่นจากโควิด-19 ร่วมกับปลัดกระทรวง DES
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากสะท้อนปัญหาการลงทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ผ่านไลน์ “หมอพร้อม” ไม่สำเร็จที่เกิดจากระบบล่ม แต่ประเด็นปัญหาใหญ่กว่านั้นดูเหมือนเป็นเรื่องของการที่ประชาชนส่วนมากของประเทศไม่สามารถลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนได้ด้วยตัวเอง
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ได้ให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าวเอาไว้ว่า
“ทุกวันนี้นอกจากปัญหาเรื่องการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แล้ว ความไม่เสถียรในการใช้งานของแอปพลิเคชันในเรื่องของการลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนก็เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับประชาชน ทาง กมธ. ICT มองลงไปถึงประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสื่อสารได้อย่างเพียงพอและทันท่วงที
จึงอยากให้รัฐบาลและ ศบค.เพิ่มช่องทางในการรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 แบบเรียลไทม์ ด้วยการส่ง SMS ไปยังประชาชนทุกกลุ่มในประเทศ ไม่จำเพาะเจาะจงเฉพาะผู้ที่เข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่านั้น อย่างเช่น ลำปางโมเดล ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคู่กับการทำงานของ อสม. นอกจากนี้ยังเป็นการลดปัญหาข่าวปลอม หรือ Fake News ที่สร้างความแตกตื่นให้แก่ประชาชนในเรื่องของโควิด-19 อีกด้วย”
ประเด็นปัญหา Fake News ที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ผ่านการเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทาง กมธ. ICT ได้เชิญปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) โดยคุณอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ร่วมให้ข้อมูล
“ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงฯ ได้มีความพยายามจัดการกับปัญหาข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนที่ออกมาสร้างความสับสนให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้คำสั่งศาล แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดนี้ การดำเนินการเพื่อยื่นต่อศาล เพื่อให้มีการปิดกั้นเว็บไซต์หรือต้นทางการเผยแพร่ข่าวสารทางโซเชียลมีเดียยังมีอุปสรรคในเรื่องของศาลที่ไม่เปิดรับคำร้องและระงับการไต่สวนชั่วคราว ทำให้สามารถทำได้เพียงการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้นำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายเท่านั้น” ปลัด DES กล่าว
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากสะท้อนปัญหาการลงทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ผ่านไลน์ “หมอพร้อม” ไม่สำเร็จที่เกิดจากระบบล่ม แต่ประเด็นปัญหาใหญ่กว่านั้นดูเหมือนเป็นเรื่องของการที่ประชาชนส่วนมากของประเทศไม่สามารถลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนได้ด้วยตัวเอง
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ได้ให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าวเอาไว้ว่า
“ทุกวันนี้นอกจากปัญหาเรื่องการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แล้ว ความไม่เสถียรในการใช้งานของแอปพลิเคชันในเรื่องของการลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนก็เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับประชาชน ทาง กมธ. ICT มองลงไปถึงประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสื่อสารได้อย่างเพียงพอและทันท่วงที
จึงอยากให้รัฐบาลและ ศบค.เพิ่มช่องทางในการรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 แบบเรียลไทม์ ด้วยการส่ง SMS ไปยังประชาชนทุกกลุ่มในประเทศ ไม่จำเพาะเจาะจงเฉพาะผู้ที่เข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่านั้น อย่างเช่น ลำปางโมเดล ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคู่กับการทำงานของ อสม. นอกจากนี้ยังเป็นการลดปัญหาข่าวปลอม หรือ Fake News ที่สร้างความแตกตื่นให้แก่ประชาชนในเรื่องของโควิด-19 อีกด้วย”
ประเด็นปัญหา Fake News ที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ผ่านการเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทาง กมธ. ICT ได้เชิญปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) โดยคุณอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ร่วมให้ข้อมูล
“ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงฯ ได้มีความพยายามจัดการกับปัญหาข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนที่ออกมาสร้างความสับสนให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้คำสั่งศาล แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดนี้ การดำเนินการเพื่อยื่นต่อศาล เพื่อให้มีการปิดกั้นเว็บไซต์หรือต้นทางการเผยแพร่ข่าวสารทางโซเชียลมีเดียยังมีอุปสรรคในเรื่องของศาลที่ไม่เปิดรับคำร้องและระงับการไต่สวนชั่วคราว ทำให้สามารถทำได้เพียงการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้นำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายเท่านั้น” ปลัด DES กล่าว