xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ดันวัคซีนวาระแห่งชาติ ขอให้ฉีดชาติไปต่อ ทั่วโลกยันมีประสิทธิภาพ ชูไทยศูนย์กลางผลิตอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ ยัน รบ.หาวัคซีนให้ทุกคนได้แน่ ดันเป็นวาระแห่งชาติ ขยายเป้า 150 ล.โดส ชูไทยชาติเดียวอาเซียนศูนย์กลางผลิตวัคซีนโดยสยามไบโอฯ สร้างความมั่นคงสู้โควิดระยะยาว ขอมาฉีดประเทศได้ไปต่อ ทั่วโลกยันมีประสิทธิภาพ ชมลำปาง ขอผู้ว่าฯ เร่งรณรงค์

วันนี้ (11 พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ วัคซีน “วาระแห่งชาติ” ของไทย โดยมีเนื้อหาระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ ท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเมื่อใด นั่นคือ “วัคซีน” ซึ่งรัฐบาลมีแผนจัดหาทั้งในระยะยาวและระยะฉุกเฉิน ที่ผ่านมา เราได้เร่งระดมฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งพื้นที่เศรษฐกิจ รวมเกือบ 2 ล้านโดสแล้ว โดยระดมฉีดวันละหลายหมื่นโดส และจากมาตรการจัดหาวัคซีนฉุกเฉินของรัฐบาล เราจึงได้วัคซีนมาเพิ่มในเดือนนี้ อีก 3.5 ล้านโดส และจะได้ความร่วมมือจากภาคเอกชนในการเพิ่มศักยภาพในการฉีดได้อีกมากครับ

ผมขอย้ำว่า รัฐสามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชากรในประเทศได้ทุกคนอย่างแน่นอน และจะไม่หยุดการจัดหาและสำรองใช้เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน จากเป้าหมายเดิมของเราที่วางไว้ว่าจะต้องหาให้ได้ 100 ล้านโดส สำหรับประชากร 50 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ ผมได้สั่งการให้ขยายเป้าหมายเพิ่มเติมออกไปอีกเป็นอย่างน้อย 150 ล้านโดส ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะจัดหาได้ครบถ้วนอย่างแน่นอน

ประเทศไทยจะเป็นประเทศเดียว�ในอาเซียน ที่เป็นศูนย์กลางในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่ได้มาตรฐานสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจากทั่วโลก โดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จะส่งมอบวัคซีนให้เราได้อย่างน้อย 61 ล้านโดส ซึ่งจะสร้างความมั่นคงยั่งยืนในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 นี้ ในระยะยาว และสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและการแข่งขันให้กับประเทศชาติในอนาคตอีกด้วย

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ผมได้เสนอให้เรื่องของวัคซีนโควิด-19 เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่เราจะให้ความสำคัญสูงสุดในการดำเนินนโยบายต่างๆ อย่างครบวงจร ทั้งการจัดหา การกระจาย ไปจนถึงการฉีดด้วย เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยของเราให้เร็วที่สุด

แต่สิ่งที่ผมกล่าวมาแล้วนั้น จะเป็นจริงไปไม่ได้เลย หากพี่น้องประชาชนในประเทศไทย ไม่มาเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ผมจึงอยากขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกคน มาเข้ารับการฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด ประเทศไทยจึงจะไปต่อได้ ผมขอยืนยันว่า วัคซีนที่รัฐบาลนำเข้าทุกชนิด มีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีคนฉีดไปแล้วหลายสิบล้านคน รวมทั้งผู้นำประเทศทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างยืนยันว่า วัคซีนโควิดทุกชนิด สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ และป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100% ส่วนโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงนั้นมีน้อยมากๆ หากเปรียบเทียบกันแล้ว โอกาสในการติดโควิด และเสียชีวิตจากโควิดนั้นมีสูงกว่าการฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียงหลายพันเท่า นอกจากนั้นในการฉีดแต่ละครั้ง จะมีแพทย์ผู้ทำการประเมินความเหมาะสม และคอยเฝ้าดูอาการหลังฉีดอีกด้วย จึงไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งผมเอง รวมทั้งคณะรัฐมนตรี ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็ฉีดวัคซีนโควิดกันไปแล้วโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

ล่าสุด จากการเปิดลงทะเบียนยืนยันและนัดหมายการฉีดวัคซีน ผ่านระบบ “หมอพร้อม” และช่องทางต่างๆ สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 1.6 ล้านคน สูงสุด คือ กทม. กว่า 5 แสนคน ตามมาด้วย ลำปาง ซึ่งมียอดมากกว่า 2 แสนคน ซึ่งหากนับตามสัดส่วนประชากร ก็ต้องถือว่าลำปางมีสัดส่วนสูงที่สุดในประเทศ นับว่ามีความตื่นตัวในพื้นที่อย่างดีเยี่ยม ด้วยการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร และทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ต้องขอชื่นชมจังหวัดลำปาง และขอให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เร่งรณรงค์ให้ประชาชนในจังหวัดของท่านมาขอรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด

ในเรื่องวัคซีนนี้ ผมจะดูแลติดตามด้วยตัวของผมเองอย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ ในการวางแผนประเทศไทยต่อจากนี้ ขอให้พวกเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยกันสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทย ทั้งตัวท่านและคนรอบตัวท่าน ได้เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนโควิด-19 และช่วยกัน #ฉีดวัคซีน_หยุดเชื้อ_เพื่อชาติ กันครับ










กำลังโหลดความคิดเห็น