xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจทำงามไส้ไม่มีหมดจริงๆ ต้นตอคลัสเตอร์ปากน้ำ-บ่อนออนไลน์เพชรบุรี ** “พระมหาสมปอง” ขำไม่ออก มส.สั่งตรวจสอบวิจารณ์การเมือง มิใช่กิจของสงฆ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์






ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ตำรวจทำงามไส้ไม่มีหมดจริงๆ ต้นตอคลัสเตอร์ปากน้ำ ปล่อยเล่นพนัน-ไม่ปิดร้านอาหารนายก อบต. พรรคพวกกัน แถมคลัสเตอร์บ่อนออนไลน์เพชรบุรี ของ “รองจืด-รองอ๊อด” โผล่ประจานซ้ำ สุดท้ายก็จบแค่สั่งเด้งตามฟอร์ม

สถานการณ์โควิดใน กทม.-ปริมณฑล นอกจาก “คลัสเตอร์คลองเตย” ที่ยังวิกฤต พบว่า “คลัสเตอร์สมุทรปราการ” ก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน แม้จะมาทีหลังแต่ก็ถือเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ที่ส่งผลให้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงต่อเนื่อง
 
ว่ากันว่า คลัสเตอร์คลองเตย ผู้ติดเชื้อรายแรกมีความเชื่อมโยงมาจาก คลัสเตอร์ทองหล่อ ขณะที่ คลัสเตอร์สมุทรปราการ มีความน่าสนใจของต้นตอการแพร่ระบาดมาจาก “โรงงาน” ที่มียอดการติดเชื้อกว่า 128 ราย และผสมโรงจากจุดอื่นอีกจำนวนมาก จากการปล่อยปละให้มีการเปิดเล่นพนันโต๊ะสนุกเกอร์ ที่พบมีคนติดเชื้อแล้ว 24 ราย และร้านอาหารที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ศบค.
 
สองกรณีหลังต้องบอกว่า เป็นฝีมือของ “ตำรวจ” อีกแล้วครับท่าน โดยมาจากความบกพร่องต่อหน้าที่ กรณีปล่อยให้มีการเล่นการพนันกันที่ “พีเอส สนุกเกอร์” ต.บางยอ อ.พระประแดง จนมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก
อีกทั้งปล่อยปละละเลยให้ร้านอาหารของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางกระเจ้า เปิดให้รับบริการลูกค้า โดยที่มีนักดนตรีของทางร้านอาหารดังกล่าวเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 นำมาซึ่งการแพร่เชื้อโดยไม่ทำการจับกุม เนื่องจากเป็น “พรรคพวกกัน” เหตุเกิดในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.พระประแดง
 
เรื่องนี้ตั้งแต่ “บ่อนหลงจู๊สมชาย” มาถึงคลัสเตอร์ทองหล่อ คริสตัลคลับ ทั้งๆ ที่กระแสสังคมเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดกดดันการทำงานของตำรวจ ทั้งฝ่ายปกครองและตำรวจทุกพื้นที่ก็ถูกตั้งความหวังไว้ว่าน่าจะเพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังไม่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ฝ่าฝืน แต่ก็ยังปรากฏเรื่องในทำนองนี้อยู่ตลอดเวลา โดยเจ้าหน้าที่บางคนที่เห็นแก่ “พวกพ้องและส่วยผลประโยชน์” ไร้จิตสำนึกต่อหน้าที่รับผิดชอบต่อความเป็นความตายของประชาชนที่ต้องรับกรรมจากการแพร่ระบาดโควิด

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข  -  พ.ต.อ.ชัชรินทร์ญาณกร เฮงสุวรรณ์
อย่างไรก็ดี ต่อมาเมื่อมีการสอบสวนโรคคนป่วยที่ติดเชื้อจากสองกรณีดังกล่าวแน่ชัดแล้ว เมื่อวานนี้ (4 พ.ค.) เห็นว่า มีคำสั่งเด้ง “พ.ต.อ.ชัชรินทร์ญาณกร เฮงสุวรรณ์” ผกก.สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดย “พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง” ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เซ็นคำสั่งเรียบร้อย
แว่วว่าไม่ใช่เฉพาะที่ปากน้ำเท่านั้น เบื้องหลังของการแพร่ระบาดใน กทม. โดยเฉพาะย่านเพชรบุรี ที่ว่าต้นตอมาจาก “บ่อนพนันออนไลน์” หรือ “คลัสเตอร์บ่อนออนไลน์” เพชรบุรี ซอย 5-7 กำลังถูกจับตาว่าจะแรง โดยที่มีคำถามตำรวจปล่อยมาได้อย่างไร?
เชื่อกันว่า ที่ตำรวจเกรงอกเกรงใจเพราะ “บ่อนพนันออนไลน์” แห่งนี้มีเจ้าของเป็น “คนมีสี” พรรคพวกเดียวกัน ชาวชุมชนแถบนั้นรู้กันดี มักเรียกกันว่าบ่อน “รองจืด” หรือ “รองอ๊อด” มีนายทุนเป็นแก๊งปล่อยเงินกู้ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองท้องถิ่น อาศัยตำรวจสายสืบชั้นประทวน สน.แห่งหนึ่ง นำเงินไปเคลียร์ผู้รับผิดชอบเพื่อเปิดไฟเขียวลักลอบเล่นการพนัน กระทั่งกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิดในเวลานี้
งานนี้ ต้องบอกว่าตำรวจทำงามไส้ไม่มีหมดจริงๆ และดูตามฟอร์มบทลงโทษก็คงอยู่แค่เด้งนายตำรวจในพื้นที่ที่เป็นปัญหาออกไป แล้วก็จบกันไปอีกเช่นเคย



** “พระมหาสมปอง” ขำไม่ออก เมื่อ มส.สั่งตรวจสอบพฤติกรรม หลังวิพากษ์วิจารณ์การเมือง รีวิวขายสินค้า กระทำการที่มิใช่กิจของสงฆ์

พระมหาสมปอง ตาลปุตโต
กรณีที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประสานพระสังฆาธิการที่เกี่ยวข้อง เจ้าอาวาสต้นสังกัด ตรวจสอบพฤติกรรม “พระมหาสมปอง ตาลปุตโต” วัดสร้อยทอง พระตลกชื่อดัง ที่มีการกระทำที่เข้าข่ายแสดงความคิดเห็นทางการเมืองซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
 
จากเรื่องร้องเรียนกรณีที่ได้พูดในหัวข้อ... “ใช้ชีวิตในยุคโควิด ยังไงให้มีความสุข” โดยเล่นมุกแซะรัฐบาลลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บริหารสถานการณ์ควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ เอาไม่อยู่
 
“งบไม่มี เตียงไม่พอ งบไปไหน ซื้อมาสิล้านเตียง เอาไปซื้อเรือดำน้ำ ซื้อรถถัง เอามาพวกนี้ก่อนสิ เลิกๆ ไปก่อน หยุดไว้เลย ไม่มีใครรบกับคุณหรอก ช่วงนี้คนอ่อนแอ เอามารบกับโควิด” … ฮา
 
ลำพังถ้าพูดแค่นี้ หรือเพิ่งจะมาพูดแซะรัฐบาลในสถานการณ์โควิด อาจไม่เป็นเรื่องที่ถึงกับต้องถูกร้องเรียน ...แต่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าย้อนกลับไปดูถึงพฤติกรรมและการแสดงออกในการพูด การโพสต์โซเชียลฯ ตั้งแต่มี “ม็อบสามนิ้ว” มีการปลุกปั่นทางการเมือง ลงไปสู่ระดับมหาวิทยาลัย และนักเรียนมัธยม มีการจาบจ้วงโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ ปรากฏว่า “พระมหาสมปอง” ได้ใช้เวทีที่ได้รับนิมนต์ไปปาฐกถาธรรม “ทำตลกบูลลี่” พูดเสียดสีการเมือง เย้ยหยัน ดูแคลน ด้อยค่า ขยายเฟกนิวส์ หรือแม้กระทั่งหลอกด่าบุพการีของฝ่ายรัฐบาลเพื่อเอาใจม็อบที่เป็นคนรุ่นใหม่ใช้โซเชียลฯ อยู่บ่อยๆ
 
แบบว่าต้องเล่นมุกด่ารัฐบาล ถึงจะขำ ถึงจะเรียกเสียงฮาได้ โดยเฉพาะ “มุกเรือดำน้ำ” นี่เล่นบ่อยมาก

อย่างเช่น กรณีหยิบเอาเฟกนิวส์มาพูดถึงเรื่องหวยออกเลขเรือดำน้ำซึ่งเป็นภาพตัดต่อภาพ เอาเรือดำน้ำของสิงคโปร์มาแปะตัวเลขที่ตรงกับเลขลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 เมื่อไม่นานมานี้ ... หรือเล่นมุกหลอกด่าผู้เกี่ยวข้องในการซื้อเรือดำน้ำว่า “ซื้อเรือดำน้ำ ซื้อบุพการี” ซึ่งแฝงความนัยว่า ซื้อหาพ่อง!!
 
ระยะหลังความเป็น “พระเซเลบ” ของมหาสมปอง ไม่หยุดอยู่แค่การรับนิมนต์ไปพูดตามสถานศึกษา ตามบริษัท จัดรายการทีวี ไลฟ์ในโซเชียลฯ ยังรับ “รีวิว” เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้า ทั้งปุ๋ยน้ำ อาหารเสริม บอกว่ากินแล้วกระปรี้กระเปร่า ผิวพรรณผ่องใส
 
พฤติกรรมสะสมที่พุทธศาสนิกชนเห็นว่าชักจะเกินเลย ไม่เหมาะสมกับ “สมณสารูป” ทั้งการพูดจาให้ร้าย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ เห็นประโยชน์ทางโลกมากกว่าทางธรรม จึงเป็นที่มาของการร้องเรียนดังกล่าว

อนุชา  นาคาศัย
นอกจาก มส.มีมติให้ต้นสังกัดตรวจสอบพฤติกรรมของ “พระมหาสมปอง” แล้ว... ยังมี “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ตรวจสอบเรื่องการรีวิวแนะนำสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมให้กับบริษัทเอกชน ช่วยโฆษณาสรรพคุณอย่างเลิศเลอ ไม่กระดากปาก ... อีกทั้งยังรับเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับสโมสรฟุตบอล “จัมปาศรี ยูไนเต็ด” ที่เพิ่งเป็นข่าวฮือฮาด้วย
“พี่ศรี” เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็น “โลกวัชชะ” ที่ถูกสังคมติเตียน และอาจต้องอธิกรณ์ เข้าข่าย “อวดอุตตริมนุสสธรรม” อันเป็นโทษที่ร้ายแรง หนึ่งในปาราชิก ข้อที่ 4 ซึ่งอาจต้องหลุดพ้นจากการเป็นพระภิกษุได้

ดังนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขาของมหาเถรสมาคม ต้องรีบดำเนินการไต่สวน และสอบสวนกรณีดังกล่าวโดยเร็ว หากเป็นความผิดจะได้รีบกำจัดออกไปเสียจากพุทธศาสนา เพื่อไม่ให้ผู้ใดก็ตามที่โกนหัว ห่มเหลือง แล้วแสร้งมาทำตนเป็นพระ ให้ผู้คนหลงกราบไหว้ มากระทำการอันไม่เหมาะสม ทำลายพระพุทธศาสนาเยี่ยงนี้ได้
หลังทราบมติ มส. และข้อร้องเรียนของพี่ศรี ทางมหาสมปองก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลก็ด้วยเจตนาดี ไม่ได้ต้องการให้ร้ายรัฐบาลเรื่องโควิด ส่วนเรื่องเป็นประธานที่ปรึกษาสโมสรฟุตบอลจัมปาศรี ยูไนเต็ด ก็เพราะอยากนำเรื่องพระพุทธศาสนาไปส่งเสริมกีฬา ให้รู้จักคำว่า “รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย” ... เรื่องรีวิวสินค้านั้น ยืนยันว่าไม่ได้ค่าตอบแทนสักบาท แค่อยากช่วยลูกศิษย์ให้ขายดี ... ยอมรับว่าขาดความระมัดระวัง ขอโทษ และจะไม่ทำอีก...

จากนี้ก็คงต้องจับตา “การตรวจสอบ” ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะฟังคำชี้แจงของ “พระตลก” แค่ไหน และจะมีข้อยุติออกมาอย่างไร




กำลังโหลดความคิดเห็น