นายกฯ ขอประชาชนอย่ากังวล หาเตียงรักษาไม่ได้ ยืนยันมีศูนย์แรกรับส่งต่อผู้ป่วย ไม่ให้ตกค้าง ระบุเดินหน้ากระจายวัคซีนให้ ครบทุกกลุ่ม ภายในสิ้นปีนี้ เริ่มกลุ่มแรก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ประเดิม 7 มิ.ย.นี้
วันนี้ (30 เม.ย.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มอบหมายให้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงเรื่องการจัดหาวัคซีน โดยให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดหาว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น ให้เอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือกเข้ามา เมื่อสอบถามไปยังเอกชน ได้ชี้แจงว่า ได้ติดต่อผู้ผลิตวัคซีนในต่างประเทศไปแล้ว แต่เรื่องการส่งมอบอาจมีความล่าช้า ซึ่งแต่ละบริษัทผู้ผลิตวัคซีนแจ้งมาว่าสามารถส่งมอบให้ได้ในไตรมาสที่ 4 เป็นช่วงปลายปี ซึ่งทาง นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย จึงมีความเห็นว่า อาจมีความล่าช้า และทับซ้อนกับที่รัฐบาลได้ติดต่อไว้ จึงควรให้ทางรัฐบาลที่ได้ติดต่อบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างประเทศไว้แล้วนำเข้าน่าจะรวดเร็วกว่า ซึ่งจะเป็นไปตามแผนเดิมคือภายในสิ้นปีนี้จะมีวัคซีนทั้งหมด 100 ล้านโดส
ทั้งนี้ ทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ก็ยังคงเดินหน้าตามแผนการจัดหาวัคซีนทางเลือก ที่คณะกรรมการจัดหาวัคซีนทางเลือกที่มี นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาธร เป็นประธานตามเดิม ทั้งนี้ แนวทางการจัดหาวัคซีนยังคงดำเนินการอยู่ และขณะนี้ก็ยังสามารถเจรจานำเข้าวัคซีนได้อีก จึงไม่ได้ปิดกั้น เอกชนสามารถจัดหาได้ ตามกำหนด
ส่วนการลงะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน หมอพร้อม นั้น ขอสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า รัฐบาลได้เตรียมแผนการฉีดวัคซีนไว้เป็น 3ระยะ คือ ระยะที่ 1 ฉีดให้บุคลากรทางแพทย์ และด่านหน้าในการป้องกันโควิดประมาณ 3 ล้านคน โดยพบว่า ตั้งแต่ 28 ก.พ.จนถึงขณะนี้มีการฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ไปแล้ว 77 จังหวัด จำนวน 1 ล้าน 2 แสนโดส แบ่งเป็นการฉีดเข็มแรก 1ล้านคน เข้มที่สอง 2 แสนคน จะดำเนินการฉีดให้ครบ ในระยะที่ 2 ให้ประชาชนสองกลุ่ม จำนวน 16 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มแรก 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประมาณ 11.7ล้านคน กลุ่มที่สองกลุ่มที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ประกอบด้วย โรคทางเดินหายใจ เรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน มีประมาณ 4.3 ล้านคน จึงขอให้ประชาชนกลุ่มนี้ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนก่อนกลุ่มอื่น คือ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป หรือถ้าไม่มีสมาร์ทโฟน ให้ติดต่อสถานพยาบาลที่ติดต่ออยู่แล้ว ส่วนต่างจังหวัดติดต่อ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ และ อสม.ในพื้นที่ โดยกลุ่มนี้จะเริ่มฉีดตั้งแต่ 7 มิ.ย. เป็นต้นไป คาดว่า จะได้ครบภายในสิ้นเดือน ก.ค. หลังจากนั้น จะเป็นการฉีดในระยะที่ 3 คือ ประชาชน ตั้งแต่อายุ 18 ปีเป็นต้นไป ประมาณ 31 ล้านคน ขอให้ลงทะเบียนตั้งแต่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป และได้รับการฉีดตั้งแต่ สิงหาคม
นายอนุชา ยังกล่าวถึงข้อกังวลสำหรับผู้ที่ติดเชื้อที่ยังไม่สามารถหาเตียงหรือเข้ารับการรักษา ว่า รัฐบาลพยาบาลหาแนวทางแก้ไข โดยได้ดำเนินการเปิดศูนย์แรกรับที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ กทม. จะเป็นศูนย์บริหารจัดการช่วยเหลือผู้ที่ยืนยันแล้วว่าติดเชื้อ ตกค้างที่บ้าน ไม่สามารถหาเตียง สถานพยาบาลรักษาได้ เมื่อมาแจ้งยังศูนย์แรกรับ เมื่อคัดกรอง และแยกระดับอาการ สีเขียว เหลือง แดง ก่อนส่งต่อไปยังสถานพยาบาลต่างๆ ซึ่งจะลดปัญหาผู้ป่วยตกค้างอยู่ที่บ้านได้
ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อคลี่คลายลงไปแล้ว สถานที่ที่ได้จัดทำเป็นโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ และศูนย์แรกรับจะเปลี่ยนเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ โดยเอกชนก็พร้อมจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาบุคลากรทางการแพทย์ โดยสนับสนุน เรื่องสถานที่ และระบบการลงทะเบียนให้มีความพร้อมมากยิ่งขึ้น