ตรงไปตรงมา! “ปู จิตกร บุษบา” ชี้ 4 ข้อเท็จจริง ย้อนถาม “แม่เพนกวิน” ลูกเลือกกระทำตัวเองมิใช่หรือ? “เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์” ตีปี๊บ “กวิ้น” ถ่ายปนชิ้นเนื้อ ปลุก 3 นิ้วบุกศาล “ราชทัณฑ์” แจง “กวิ้น” ไม่ทรุดหนักอย่างที่เป็นข่าว
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (29 เม.ย. 64) จากกรณี นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำกลุ่มราษฎร 63 เดินทางมายื่นคำร้องขอประกันตัวบุตรชาย โดยอ้างเรื่องสุขภาพที่ย่ำแย่ โดยอ้างว่า ถ้าไม่ให้ประกันก็สั่งประหารชีวิตไปเลยดีกว่า ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว
ต่อมา นายจิตกร บุษบา คอลัมนิสต์ นสพ.แนวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“มาตั้งสติ และใช้ “ปัญญา” หาทางออกกันนะครับ
1) ความผิดตาม ม.112 กับ 116 ไม่มีโทษประหารชีวิตครับ ไม่เพ้อครับ ไม่ใช้อารมณ์ที่สุดโต่งจนหย่อนปัญญาครับ
2) ลูกของแม่ “ทรมานตัวเอง” และ “เป็นภาระ” ในการดูแลของคนอื่นด้วยครับ ไม่มีใครทรมานเขา จะสรรเสริญว่า เป็นการบำเพ็ญที่สูงส่งกันอย่างไรก็ว่าไป แต่ความจริงคือเขา “เลือกกระทำ” เช่นนั้นกับตัวเอง ด้วยตัวเอง
3) คนอื่นๆ ได้รับการประกันตัวแล้ว เช่น หมอลำแบงค์ ไผ่ ดาวดิน สมยศ พฤกษาเกษมสุข จะไม่ตั้งสติ แล้วเอาปัญญาไปพิจารณา ไปศึกษา ไปหาหนทางเดียวกัน เพื่อเดินออกจากคุกบ้างหรือครับ?
4) ลูกแม่ถอนทนายหมดเลย แม่คิดว่า ใครจะทำอะไรได้ครับ”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration โพสต์ข้อความ ว่า
“เพนกวินอาการน่าเป็นห่วง ร่างกายเริ่มย่อยกระเพาะตัวเองแล้ว
วันนี้ (28 เมษายน 64) แม่เพนกวินแถลงหลังจบงานยืนหยุดขังว่า เพนกวินบอกผ่านทนายมาว่า นอนไม่หลับ ผิวหนังเริ่มเหี่ยว และถ่ายเป็นชิ้นเนื้อ ซึ่งคาดว่าเกิดจากร่างกายเริ่มย่อยกระเพาะอาหารแล้ว เนื่องจากการอดอาหารเป็นเวลานาน ซึ่งแม่เพนกวินเป็นห่วงมาก และตนก็ไม่ต้องการให้ลูกเข้ารักษาตัวที่ รพ.ราชทัณฑ์ เนื่องจากในเรือนจำตอนนี้เต็มไปด้วยผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในคุกอย่างหนัก
ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (29 เม.ย. 64) แม่และทนายจะยื่นประกันตัวเพนกวินในเวลา 12:00 น. ณ ศาลอาญารัชดา ด้วยความหวังว่า ศาลจะกลับมาเที่ยงธรรมและคืนสิทธิ์ในการประกันตัวให้เพนกวิน หากมวลชนท่านใดสะดวกสามารถไปร่วมให้กำลังใจแม่และเพนกวินได้
เพนกวินต่อสู้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ ว่า สิ่งที่ทำลงไปไม่ใช่สิ่งที่ผิด ไม่ใช่สิ่งลวงหลอก สิ่งที่เพนกวินพูดคือความจริง”
อย่างไรก็ตาม เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ชี้แจงผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก กรณี นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน บอกผ่านทนายความมาว่า ถ่ายเป็นชิ้นเนื้อ ซึ่งคาดว่าเกิดจากร่างกายเริ่มย่อยกระเพาะอาหารแล้ว เนื่องจากการอดอาหารเป็นเวลานาน ซึ่งแม่ของเพนกวินเป็นห่วงมาก และไม่ต้องการให้ลูกเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากในเรือนจำตอนนี้เต็มไปด้วยผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งกำลังแพร่ระบาดนั้น
เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขอเรียนว่า วันนี้ เวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่พยาบาลได้ตรวจอาการผู้ต้องขังชาย นายพริษฐ์ คดีหมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สภาพทั่วไป รู้สึกตัวดี พูดคุยรู้ตัวรู้เรื่อง มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย ริมฝีปากแห้ง ไม่มีอาการเวียนศีรษะ ไม่มีอาการวูบ สามารถลุกเดินและทำกิจวัตรประจำวันได้ ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ผู้ต้องขังดื่มน้ำเกลือแร่ได้ 1,800 ml ให้สารน้ำทางเลือดดำ 5% D/N/2 1,000 ml rate 80 ml./hr. ปฏิเสธการเจาะวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้ว สัญญาณชีพโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ อุณหภูมิร่างกาย 36.2 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 60 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 20 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 115/69 mmHg น้ำหนัก 95.4 กิโลกรัม วัดระดับออกซิเจนปลายนิ้วได้ 98% ไม่มีอาการถ่ายดำหรือถ่ายเป็นเลือด มีอาการปวดท้องเล็กน้อยรอบข้างสะดือค่อนมาทางซ้าย ปัสสาวะปกติ รับประทานยาเคลือบกระเพาะ ตามแผนการรักษาของแพทย์ ได้แนะนำหากมีอาการถ่ายดำหรือปวดท้องมากขึ้นให้รีบแจ้งพยาบาลทันที
สำหรับปัญหาที่ต้องเฝ้าระวัง คือ 1. ภาวะช็อกจากน้ำตาลต่ำจากการอดอาหาร 2. อุบัติเหตุพลัดตกหกล้มจากอ่อนเพลีย ซึ่งเรือนจำได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ทั้งนี้ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขอเรียนว่า การดำเนินการของเรือนจำเป็นไปตามระเบียบและแนวทางปฏิบัติตามข้อสั่งการกรมราชทัณฑ์และกระทรวงโดยเคร่งครัด
ทางด้าน นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวยืนยันว่า อาการของนายพริษฐ์ ยังไม่ทรุดหนักตามกระแสข่าว และอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์และพยาบาลที่เข้าตรวจร่างกายเป็นประจำทุกวัน ซึ่งพบเพียงอาการอ่อนเพลียจากการอดอาหาร โดยต้องเฝ้าระวังภาวะช็อกจากน้ำตาลต่ำ และอุบัติเหตุการหกล้มจากความอ่อนเพลีย หากนายพริษฐ์ มีอาการอ่อนเพลียรุนแรง หรือมีภาวะไม่พึงประสงค์ ก็พร้อมส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ทัณทสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนอาการของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ยังปฏิเสธการรับประทานอาหาร โดยเลือกรับประทานเพียงน้ำดื่ม เกลือแร่ น้ำผลไม้ และนมเท่านั้น จากการตรวจอาการเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2564 เวลา 14.30 น. พบว่ารู้สึกตัวดี มีสีหน้าปกติ พูดคุยรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ปกติ การวัดสัญญาณชีพปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.4 องศาเซลเซียส ความดันโสหิต 129/95 mmHg ชีพจร 116 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 20 ครั้ง/นาที ออกซิเจนในเลือด 98% น้ำหนักตัว 100 กิโลกรัม ไม่มีอาการอ่อนเพลีย และไม่มีอาการเวียนศีรษะ สภาพร่างกายโดยทั่วไปปกติดี
นายธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม และผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงทุกราย ได้รับการตรวจหาเชื้อซึ่งผลเป็นลบ และแยกกักตัวเพื่อสังเกตอาการรอการตรวจหาเชื้อซ้ำเรียบร้อย โดยในกลุ่มแกนนำคณะราษฎร มีเพียง นายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือ จัสติน รายเดียวเท่านั้นที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่วนแกนนำคนอื่นๆ ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คือ นายพริษฐ์, นายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ ผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบไม่พบการติดเชื้อแต่อย่างใด”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
“เป็นผู้นำม็อบแล้วโกหก มายา บีบน้ำตา จะไม่มีวันทำอะไรได้สำเร็จ เป็นนักสู้มีอุดมการณ์ต้องมีความกล้าหาญทางจริยธรรม ต้องเป็นตงฉิน ไม่ใช่กังฉิน ขาดความรู้รับผิดชอบชั่วดี คิดถึงแต่ประโยชน์ตน อามิส พวกพ้อง ไม่คำนึงถึงประโยชน์สุขสังคมประเทศชาติ มันก็แพ้อยู่วันยังค่ำครับ คนเลิกเคารพนับถือ เป็นแค่สวะ ผู้ร้าย ไปที่ไหนอายที่นั่น”
แน่นอน, ต้องยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากการต่อสู้ทางการเมือง ของกลุ่มขบวนการม็อบ 3 นิ้วนั่นเอง
แล้วปัญหาที่หลายคน โดยเฉพาะฝ่ายที่สนับสนุนม็อบ 3 นิ้วในการต่อสู้เพื่อ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” ออกมาเรียกร้อง และกดดันศาล กดดันรัฐบาล เพื่อให้แกนนำ 3 นิ้วได้ประกันตัวนั้น สังคมคงต้องใช้วิจารณญาณกันพอสมควร ถ้าหากกดดันไม่สำเร็จ และรัฐบาลช่วยไม่ได้
เพราะ ศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจให้ประกันโดยถูกกดดัน และรัฐบาลก็ไม่อาจแทรกแซงศาลได้ ขืนไปแทรกแซง รับรอง 3 นิ้วเอาตายแน่ เพราะขนาดไม่ได้แทรกแซงยังเอาไปกล่าวหากลั่นแกล้งรังแก ยุบพรรคพวกตัวเอง
ที่สำคัญ สิ่งที่ “ปู จิตกร บุษบา” นำเสนอนั้น ถูกต้องที่สุด ตรงประเด็นและตรงไปตรงมาที่สุด ไร้อคติ และไม่ยึด “หลักกู” ในการตัดสินปัญหา เหมือนคนบางพวกที่อ้างตัวสูงส่งว่า ต่อสู้ให้สังคมไทยดีขึ้น เป็น “ประชาธิปไตย” อย่างที่นานาอารยประเทศเขาเป็น แต่พฤติกรรม เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางความถูกต้องทุกอย่าง จนถูกเรียกเผด็จการพันธุ์ใหม่
เรื่องการเรียกร้อง กดดันด้วยการอดข้าว ให้ได้ประกันของ กวิ้นและพวก ก็เช่นกัน จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากพวก “อภิสิทธิ์ชน” เรียกร้อง นั่นคือ การกดดันให้ศาลให้ประกันโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่ยอมรับเงื่อนไข อย่างที่ หมอลำแบงค์, ไผ่, สมยศ ได้ประกันไปแล้ว
มันหมายความว่าอะไร ถ้าไม่เรียกว่า “มีอภิสิทธิ์” เหนือคนอื่น แล้วคนที่ออกมาสนับสนุนเรื่องนี้ก็มีแต่พวกเดียวกัน ทั้งนักเคลื่อนไหว นักวิชาการ องค์กรของต่างประเทศ ไม่เว้นแม้ ส.ส.พรรคก้าวไกล
อย่างนี้เขาเรียกไม่เห็นหัวประชาชนคนไทย ที่มิใช่พวก 3 นิ้วหรือไม่ คิดดูให้ดี เพราะประชาชนคนอื่นอาจไม่เห็นด้วยก็ได้
สรุปว่า เรื่องทำอย่างไรให้ได้ประกัน อาจง่ายนิดเดียว ถ้ายอมรับกระบวนการตามกฎหมาย และยอมรับเงื่อนไขของศาล ก็จบ หรือกลัวว่า มันจะจบง่ายไป???