xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” ทวงถามจริยธรรม “เนชั่น” เซ็นเซอร์ดีเบต “รถไฟฟ้าสีเขียว” เอื้อกลุ่มทุนหรือไม่?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รสนา” ถามหาจริยธรรมสื่อ “เนชั่นทีวี” เซ็นเซอร์ข้อมูลดีเบต จงใจเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนรถไฟฟ้าสายสีเขียวใช่หรือไม่ แฉตัดคำอธิบายและเอกสารประกอบเรื่องค่าโดยสาร 25 บาททำได้ออกเกือบหมด มุ่งแต่ประเด็นทวงหนี้จาก กทม.ให้บีทีเอส จี้นำเทปรายการฉบับเต็มเผยแพร่ พร้อมเรียกร้องสมาคมสื่อตรวจสอบจริยธรรมด่วน

วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.12 น. น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ รสนา โตสิตระกูล กรณีการร่วมดีเบตในหัวข้อ “บีทีเอส ราคาที่ต้องจ่าย” กับนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ซึ่งออกอากาศทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 เมื่อคืนวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา และปรากฏว่าข้อมูลและเอกสารที่ตนนำเสนอในการดีเบตถูกตัดออกเกือบหมด โดยมีรายละเอียดดังนี้

“เนชั่นได้เชิญดิฉันดีเบตเรื่องสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว กับซีอีโอบีทีเอสในกรณีราคา 25 บาททำได้จริงหรือไม่
ดิฉันและทีมงานได้ตั้งใจทำข้อมูลตัวเลขเพื่อแสดงให้เห็นว่าราคา 25 บาททำได้ หากมีการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลังหมดสัญญาในปี 2572 โดยดิฉันได้ส่งเอกสารนำเสนอให้เนชั่นไป 5 รายการ และในการอัดเทป ดิฉันก็ได้แสดงเอกสารพร้อมอธิบายตัวเลขตามไฟล์นำเสนอทั้งหมด
 
แต่ปรากฏว่าเมื่อรายการออนแอร์ในคืนวันที่ 27 เมษายน 2564 เวลา 22.20 น. รายการได้ตัดเอกสารและคำอธิบายของดิฉันออกไปเกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นเนื้อหาส่วนที่สำคัญที่แสดงว่า 25 บาททำได้จริง โดยพิธีกรไม่แจ้งให้ดิฉันทราบว่าจะมีการตัดข้อมูลออก ขอถามว่าพิธีกรในรายการ หรือเจ้าของช่องเนชั่นมีสิทธิ์เซ็นเซอร์ข้อมูลของผู้ร่วมรายการได้ด้วยหรือ?
 
ข้อมูลสำคัญที่ถูกตัดออกคือตัวเลขจากงบการเงินปี 2557 ของบริษัทบีทีเอสซี ที่แสดงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่แสดงให้เห็นว่าต้นทุนการเดินรถของบีทีเอสในปี 2557 มีต้นทุนเที่ยวละ 17 บาทเท่านั้น ทั้งๆ ที่ได้รวมต้นทุนค่าโครงสร้างพื้นฐานตามสัมปทานปัจจุบันไว้ด้วยแล้ว ดังนั้น หลังปี 2572 เมื่อหมดหนี้ค่าโครงสร้างพื้นฐานระบบรถไฟฟ้าแล้ว ต้นทุนการเดินรถต่อเที่ยวย่อมน้อยกว่า 17 บาทอย่างแน่นอน ดังนั้น การต่อสัมปทาน 30 ปี โดยให้บีทีเอสคิดราคาค่าโดยสาร 65 บาท จึงถูกตั้งคำถามว่าเป็นการเอื้อประโยชน์เอกชนบนภาระประชาชน และต้องตั้งข้อสังเกตว่ามีเงินทอนให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจหากตัดสินใจต่อสัมปทาน 30 ปี ด้วยค่าโดยสาร 65 บาทหรือไม่
 
พิธีกรคือ คุณนารากร ติยายน ไม่ได้แจ้งดิฉันว่าจะตัดไฟล์นำเสนอ power point และคำอธิบายเหล่านี้ออกไป ที่ดิฉันใช้อธิบายให้ผู้ชมการดีเบตฟังว่า เหตุใด 25 บาทจึงทำได้ การตัดข้อมูลสำคัญในการแสดงเหตุผลให้ผู้ชมได้เห็นว่าราคา 25 บาททำได้นั้น จะถือว่าเป็นการผิดจริยธรรมของสื่อมวลชนหรือไม่?
 
หัวข้อที่ตั้งชื่อว่า “บีทีเอส ราคาที่ต้องจ่าย” ดิฉันสงสัยชื่อหัวข้อว่าดูไม่ค่อยตรงกับประเด็นที่ติดต่อให้มาพูด จึงเขียนถามคนติดต่อว่า “ราคาที่ต้องจ่าย หมายถึงค่าโดยสารของประะชาชน หรือของบีทีเอส ชื่อไม่ชัดเจน อย่างไรพี่ก็จะพูดว่า 25 บาทคือราคาที่เหมาะสมที่ประชาชนควรจ่าย” ซึ่งผู้ประสานงานตอบดิฉันว่า “ได้เลยค่ะ เพราะทั้งสองฝั่งก็เห็นในเรื่องราคาที่ต่างกัน”

แต่ปรากฏว่าในการดำเนินรายการ พิธีกรดำเนินเนื้อหามุ่งไปเรื่องประเด็นการทวงหนี้จาก กทม.และรัฐบาลให้บีทีเอสมากกว่าการดีเบตว่าราคา 25 บาททำได้หรือไม่ พิธีกรพยายามอธิบายว่าบีทีเอสเป็นบริษัทมหาชนต้องรับผิดชอบกับผู้ถือหุ้น เมื่อ กทม.มีหนี้ก็ต้องรับผิดชอบ และยังถามว่าผู้บริโภคจะกดดันให้ กทม.จ่ายหนี้ไหม ตลอดจนเปิดคลิปที่ซีอีโอบีทีเอสพูดกับผู้โดยสาร ตั้งข้อสงสัยว่ามีไอ้โม่งคอยขัดขวางการแก้ปัญหาในการต่อสัมปทาน และพูดย้ำแต่เรื่องคืนหนี้ และยังมาถามดิฉันว่ารู้ไหม ใครเป็นไอ้โม่งคนนั้น ใช่กระทรวงคมนาคมหรือไม่?!

ดิฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า นี่ควรเป็นบทบาทของสื่อและพิธีกรดำเนินรายการที่เอียงข้างฝ่ายธุรกิจเอกชนขนาดนี้หรือไม่!?

ดิฉันขอเรียกร้องเจ้าของสื่อเนชั่นแก้ไขความผิดพลาดในครั้งนี้ ด้วยการ
1. ขอให้เผยแพร่เทปสัมภาษณ์ฉบับเต็มในทีวี
2. ขอให้เผยแพร่เทปสัมภาษณ์ฉบับเต็มในยูทูป
3. ขอให้เนชั่น และสมาคมสื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องจริยธรรม ขอให้องค์กรผู้กระทำความผิดขอโทษต่อผู้ชม และขอให้มีบทลงโทษต่อผู้กระทำความผิดอย่างเป็นรูปธรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น