ส.ส.ก้าวไกลอัด สธ.เร่งชี้เเจงข้อเท็จจริงต่อ ปชช.สร้างความมั่นใจต่อการฉีดวัคซีน หลังเกิดความผิดพลาดผลข้างเคียงวัคซีนซ้ำรอยเดิม ชี้ชัด แต่ขอ ปชช.อย่าตื่นตระหนก การฉีดวัคซีน คือการเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19
วันนี้ (23 เม.ย.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผู้เกาะติดการบริหารจัดการวัคซีน และการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 มาโดยตลอด ได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่พบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac จำนวน 6 ราย ที่ จ.ระยอง และที่ จ.ลำปาง ซึ่งเดิมรายงานว่าพบผู้ที่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงอาจมีมากถึง 40 คน แต่ต่อมามีรายงานยืนยันว่ามีทั้งสิ้น 10 คน โดยผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่ จ.ระยองได้รับวัคซีน Sinovac หมายเลขล็อตที่ J202103001 ในขณะที่ผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่ จ.ระยองได้รับการฉีดวัคซีนหมายเลขล็อตที่ J202103002 ซึ่งเข้าใจว่าเป็นล็อตการผลิตที่อยู่ติดกันนั้น
นายวิโรจน์กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับคุณภาพของวัคซีน Sinovac ในกลุ่มล็อตการผลิตที่ J202103xxx หรือไม่ หรือเป็นอุบัติการณ์ที่พบได้ทั่วไป มีสถิติการพบนั้นมีค่าสูง หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่พบจากการฉีดวัคซีนโดยทั่วไป มีสมมติฐานว่าผลข้างเคียงดังกล่าวนี้มีแนวโน้มว่าจะเกิดกับกลุ่มประชากรกลุ่มใดเป็นกรณีเฉพาะหรือไม่ ประเทศอื่นที่ใช้วัคซีน Sinovac พบอุบัติการณ์ในลักษณะนี้หรือไม่ และความมีข้อบ่งชี้ หรือคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างไรบ้างในการฉีดวัคซีน Sinovac ให้แก่ประชาชนต่อไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ ประชาชนยังคงรอคำตอบที่ชัดเจนจากกระทรวงสาธารณสุขอยู่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีความจำเป็นต้องสอบสวนข้อเท็จจริง และแถลงให้ประชาชนทราบอย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน
“การแถลงสั้นๆ เพียงแค่ว่ายังไม่ระงับการฉีดวัคซีน Sinovac นั้น ไม่อาจที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนได้” นายวิโรจน์กล่าว
นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า ประชาชนยังไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไปต่อข่าวผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นนี้ เพราะผลข้างเคียงในลักษณะนี้ หากติดตามข่าวการฉีดวัคซีนในประเทศต่างๆ ที่ฉีดมาก่อนหน้าประเทศไทยก็เป็นอุบัติการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่เหตุที่ประชาชนรู้สึกกังวล และตื่นตระหนกเป็นอย่างมากเป็นเพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยให้ความคิดเห็นที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา โดยค่อนขอดการฉีดวัคซีนของประเทศในแถบยุโรปว่าฉีดแล้วปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ทั้งๆ ที่ผลข้างเคียงดังกล่าวเป็นผลข้างเคียงที่เป็นอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นได้ จนทำให้ประชาชนรู้สึกว่าผลข้างเคียงใดๆ ในทุกกรณีที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างร้ายแรง ทั้งๆ ที่ผลข้างเคียงจำนวนไม่น้อยเป็นผลข้างเคียงชั่วคราวที่แพทย์สามารถดูแลรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ ไม่ได้เป็นผลข้างเคียงที่ร้ายแรงในทุกกรณี ต้องยอมรับว่าความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นกับการฉีดวัคซีน Sinovac ในวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการสื่อสารที่ไม่เหมาะสมของนายอนุทิน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขคงต้องเร่งสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน เพื่อคลายความกังวลที่มากเกินไป จนขาดความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนของประชาชนต่อกรณีดังกล่าว
นายวิโรจน์ยังได้กล่าวต่อไปถึงกรณีวันหมดอายุที่ข้างกล่องวัคซีน Sinovac ที่แตกต่างกัน ที่เกิดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยจากภาพปรากฏว่าบางกล่องระบุว่าวัคซีนมีอายุ 6 เดือน บางกล่องระบุว่ามีอายุ 3 ปี บางกล่องมีการขีดฆ่าแล้วแก้ปี พ.ศ.ใหม่ ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อมูลของบริษัทที่ระบุว่าวัคซีน Sinovac นั้นมีอายุในการเก็บรักษาในบรรจุภัณฑ์ในเบื้องต้นอยู่ที่ 12 เดือน โดยในประเด็นดังกล่าวนี้ กระทรวงสาธารณสุขคงต้องเร่งชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่พบที่ จ.เชียงใหม่นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องจริงก็มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายถึงสาเหตุต่อไปว่าเหตุใดจึงมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนหรือไม่ อย่างไร และควรตัดสินใจอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะดำเนินการแก้ไข และป้องกันอย่างไร
ทั้งนี้ นายวิโรจน์ได้ย้ำต่อกรณีนี้ว่า เป็นการดีที่ประชาชนสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีน แต่อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป ขอให้รอฟังการชี้แจงจากกระทรวงสาธารณสุขน่าจะเป็นการดีที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขก็มีความจำเป็นต้องเร่งชี้แจง และอธิบายข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจ และมีความมั่นใจในกระบวนการฉีดวัคซีนเช่นกัน