xs
xsm
sm
md
lg

ต้นตอระบาด-ความฉิบหาย มาจาก “ส่วย-ทุจริต”!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข และ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา

เมืองไทย 360 องศา


จะเรียกว่าวนกลับมาอีหรอบเดิมก็ไม่คงไม่ผิด กับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในระลอกที่สามเวลานี้ และทำท่าจะ “หนัก” กว่าทุกรอบที่ผ่านมาเสียด้วย เพราะเอาจากที่สังเกตจะเห็นได้ชัดว่า คนที่ติดเชื้อเริ่ม “ใกล้ตัว” หรือรับรู้กันไม่ไกลแล้วว่าคนบ้านนั้นติดเชื้อ จากเดิมก่อนหน้านี้จะไม่เคยเห็นแบบนี้ เพราะมันห่างไกลจนไม่รู้สึกกังวล ตราบใดที่เรายังไม่ประมาท หรือการ์ดตก

อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ในวันแรกๆ เริ่มจากหลักหลายสิบ มาเป็นหลักร้อย แล้วก็ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมานี่เอง จากการแถลงของ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 985 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 980 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 634 ราย จากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 346 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 5 ราย ส่วนผู้ป่วยมีการรักษาหายเพิ่ม 34 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม
ถือว่ามีตัวเลขใกล้เคียงกับการติดเชื้อวันก่อนหน้านั้น ที่มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อในหลักเก้าร้อยกว่าคนเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วยังเชื่อว่าตัวเลขน่าสูงขึ้นอีก เนื่องจากเป็นช่วง “เทศกาลสงกรานต์” ที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา รวมไปถึงเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งการแพร่กระจายแบบ “คุมไม่อยู่” ก็อาจจะเกิดขึ้นได้หลังจากเทศกาลดังกล่าวผ่านพ้นไปแล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่น้องประชาชนจะมีความตระหนักในการป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง รวมไปถึงความรับผิดชอบกับสังคมมากน้อยแค่ไหนอีกด้วย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันอีกรอบก็คือ “ต้นตอ” การระบาดในระลอกใหม่นี้ นอกเหนือจากสาเหตุดังที่กล่าวมาแล้ว สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามหรือปฏิเสธไม่ได้เลย ก็คือ “ระบบส่วย” หรือการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับผิดชอบ เหมือนกับการที่เคยมีการชี้หน้าด่าว่ากันมาแล้วในการระบาดคราวที่แล้วที่จังหวัด “สมุทรสาคร” กับปัญหาระบบส่วย “การค้าแรงงานข้ามชาติ” หรือที่เรียกว่า “การค้ามนุษย์” จนนำมาสู่การแพร่กระจายกันอย่างขนานใหญ่ จนเพิ่งซาลงไปเมื่อไม่กี่วันนี้ ตามมาด้วยการระบาดมาจาก “บ่อนระยอง”
จนคราวนี้การแพร่ระบาดหรือที่เรียกว่าการระบาดแบบ “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” ที่เริ่มมาจากสถานบันเทิงในย่าน “ทองหล่อ” ที่ว่ากันว่ามีทั้งเหล่ารัฐมนตรี นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง นักแสดง รวมไปถึงเอกอัครราชทูตต่างชาติ เหล่าไฮโซไฮซ้อทั้งหลาย และก็พลาดไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดเชื้อไปร่วมร้อยนาย อีกทั้งยังมีการกักตัวรอดูอาการอีกหลายร้อยนาย
ที่บอกว่าเข้า “อีกหรอบเดิม” ตั้งแต่ต้น ก็คือ เพราะไม่ว่าเรื่องใดก็ตามหากไปเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง บ่อนการพนันอะไรพวกนี้แล้ว ที่ถือว่าเป็นที่ “อโคจร” มันก็ย่อมนำมาซึ่งเรื่องการทุจริตฉ้อฉล แบบประเภทหลับตาก็นึกภาพออกอะไรประมาณนั้น โดยสามารถกล่าวหาหรือเดากันไปล่วงหน้ากันได้เลยว่า มันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่อง “ส่วย” การทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐแน่นอน แน่นอนว่า คราวนี้เป้าหมายยังโฟกัสไปที่ “ตำรวจ” เป็นอันดับแรก และยังเป็นตำรวจนครบาล ไม่ใช่ตำรวจหรือทหารต่างจังหวัด เหมือนที่ถูกวิจารณ์เมื่อการระบาดคราวก่อน
หากพูดถึงแหล่งบันเทิงในซอยทองหล่อที่ว่านี้ ในวงการก็ย่อมรู้ดีในชื่อ “คริสตัล คลับ” และ “เอเมอรัลด์ คลับ” สถานบันเทิงในเครือข่าย ที่ถูกระบุว่า กลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดใหญ่ ลุกลามไปทั่วประเทศในเวลานี้ และแม้ว่าในเวลาต่อมาจะมีการส่งฟ้องและสั่งจำคุกผู้จัดการสถานบริการทั้งสองแห่งดังกล่าวคนละ 2 เดือนไปแล้ว และเชื่อเถอะว่าจะตามมาด้วย “เปิดโดยไม่มีใบอนุญาต” หรือไม่ก็ “ใบอนุญาตหมดอายุ” อะไรประมาณนั้น
คำถามซ้ำซากที่ทุกคนย่อมเข้าใจง่าย สถานบันเทิงพวกนี้เปิดในลักษณะผิดกฎหมายดังกล่าว (อย่างน้อยก็มีความหย่อนยานจนมีการติดเชื้อ) แต่ประเด็นหลักก็คือ “ต้องมีเรื่องส่วย” เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน แล้วคำถามต่อมาก็คือ “จะรับผิดชอบกันแบบไหน” กับความเสียหายที่เกิดขึ้นเหลือคณานับในเวลานี้
โดยเฉพาะระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด และ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่จะต้องรับผิดชอบกันในระดับไหน รวมไปถึง “แอ็กชัน” ที่ทันการหรือไม่
แน่นอนว่า การแก้ปัญหาในเวลานี้ ล้วนเป็นการ “ล้อมคอก” ที่น่าเบื่อ น่ารำคาญ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่มาแบบไม่ได้คาดหวังกับผลลัพธ์ที่จะตามมา เพราะนอกจากเป็นเรื่องปลายเหตุ และอีกไม่นานก็จะไปโผล่แบบนี้ในที่ใหม่อีก หรือไม่ก็ซ้ำอยู่ที่เดิม เมื่อทุกอย่างซาลงไป ถึงได้บอกว่าน่าเบื่อกับการทำงานของระบบราชการที่ไม่ยอมปฏิรูปเสียที !!


กำลังโหลดความคิดเห็น