ข่าวปนคน คนปนข่าว
**งานนี้ “เลาจน์ชนะ” “เฮียชู” เปิด “เสี่ยอ๊อด” เจ้าของ “คริสตัล” ออกหน้า แต่ไม่ออกเงิน ขาใหญ่นักการเมืองอยู่เบื้องหลังได้ทหาร-ตำรวจแบ็ก
ว่าด้วยโควิดระลอกใหม่จากคลัสเตอร์สถานบันเทิงที่ยังลามไปสู่ทุกพื้นที่หลายจังหวัด คนทุกวงการติดเชื้อกันระนาว สังคมหวาดผวาหนัก ยิ่งพบว่า คราวนี้เป็น “สายพันธุ์อังกฤษ” อิมพอร์ตมาจากกัมพูชา ที่แพร่เร็วกว่าเดิม 1.7 เท่า ก็ยิ่งเป็นห่วงกันว่า การควบคุมคงไม่บรรเทาในระยะเวลาอันสั้นแน่ อย่างน้อยรอบนี้สาธารณสุขแจงออกมาว่า ต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 1-2 เดือน
เอ่ยถึงสถานที่อโคจรที่เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ อย่างผับทองหล่อ คงไม่มีใครฉายภาพได้ดีเท่ากับ อดีต “เจ้าพ่ออ่าง” อย่าง “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดปากเที่ยวนี้ก็ซัดตรงไปที่ “คริสตัล คลับ” เลาจน์หรูไฮโซ ที่ลูกค้าคนมีระดับนิยมเที่ยวกัน รวมไปถึงรัฐมนตรี นักการเมือง ส.ส. ถึงกับน่าจะเรียกได้ว่าเป็น “ไทยคู่ฟ้าคลับ”
สายข่าวจาก “เฮียชู” แอบกระซิบมาว่า บรรดาท่านๆ รัฐมนตรี-นักการเมืองทั้งหลายที่ไปใช้บริการในคริสตัลคลับ จะเปิดห้อง VVIP เป็นประจำ เรื่องที่เจรจาพาทีกับกลุ่มนักธุรกิจนายทุนก็ล้วนเป็นสัมปทานโครงการรัฐ ที่อวดโอ่ต่อหน้าเด็กๆ นั่งดริงก์ ว่ากันทีเป็นพันล้าน หมื่นล้าน
เจ้าของคริสตัลคลับ ชื่อ “เสี่ยอ๊อด” ที่คนในวงการธุรกิจกลางคืนรู้กันว่า เป็นคนออกหน้า ไม่ออกเงิน น่าจะมี “นักการเมืองใหญ่” สายแข็งเป็นนายทุนให้โดยมีทหาร และตำรวจ ให้การสนับสนุน
ว่ากันว่า ถ้าวงการบ่อนก่อนหน้านี้มี “หลงจู๊สมชาย” เป็นเจ้าพ่อบ่อนที่เป็นคนออกหน้า จัดสรรผลประโยชน์ให้ขบวนการส่วย ในวงการธุรกิจกลางคืนใน กทม. ก็ชั่วโมงนี้ก็ต้องเป็น “เสี่ยอ๊อด” ยืนหนึ่ง เป็นนัมเบอร์วัน
“เสี่ยอ๊อด” ช่วงสองสามปีมานี้ จัดว่าเป็น “หลงจู๊” ภาคสถานบันเทิงที่มือขึ้นมาก นอกจาก “คริสตัล คลับ” เขายังเป็นเจ้าของสถานบันเทิงที่คล้ายๆกันอีกหลายแห่ง อย่าง “เอมเมอรัล” ในย่านทองหล่อ นี่ก็ใช่
เฉพาะสองที่นี้ มีโต๊ะห้องสูท VVIP หลายห้อง เช็กบิลมาแต่ละที ก็ต้องมีหลัก 2-3 แสน รวมๆ รายได้แต่ละคืน จากโซนอื่นๆ ด้วยก็คาดกันว่ามีเป็นหลัก 10 ล้าน เดือนๆ หนึ่ง เงินสะพัด 200-300 ล้าน
ความฮอตฮิตของเลาจน์เหล่านี้ ทำให้นายทุนขยายกิจการกันใหญ่โต “เฮียชู” บอกว่า เพราะเป็นพัฒนาการของ ผับ บาร์ เลาจน์ บ่อน เอามารวมกันเป็น One Stop Service จึงเฟื่องฟูทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัด หุ้นส่วนล้วนเส้นใหญ่ บางที่มีนายทุนจีนออกทุน แล้วให้คนไทยออกหน้าก็มี อย่างเช่นสถานบันเทิงย่านรัชดา
ต่อจากบ่อนหลงจู๊สมชายระยอง มาถึงโควิดระบาดแพร่ออกจากเลาจน์อย่างสยองขวัญครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นความฟอนเฟะของสังคมไทยอีกครั้ง
ฟังว่า “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่กำลังพลตำรวจติดเชื้อจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงหลายสิบคน และกักตัวกันระนาว กำลังคิดจะหามาตรการ “ล้อมคอก” สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุยผู้ประกอบการ ดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งยังได้มีการจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชม. และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนออกสืบสวนหาข่าวผู้กระทำผิด
แน่นอนว่า มาตรการนั้นมีอยู่แล้ว แต่ตำรวจจะกล้าฟัน กล้าลุยแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่อง เพราะสถานบันเทิงก็ไม่ต่างกับบ่อน ที่ส่งส่วยให้ตำรวจ แถมมีเส้นใหญ่ที่ตำรวจไม่กล้าแตะต้อง
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สถานบันเทิงเป็นต้นเหตุ “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” ทำสังคมเดือดร้อน รอบแรกๆ ถ้ายังจำกันได้ก็เริ่มจากผับย่านทองหล่อเช่นกัน ก็อย่างที่เห็น มีรอบสอง รอบสาม ตามมาและถ้าเป็นเช่นนี้ไปอีก ปล่อยให้คนเข้าไปแออัด ดื่มกิน นัวเนียพริตตี้ ไม่มี Social Distancing ไม่มีสวมมาสก์อยู่แล้วในสถานที่อย่างนี้ ก็เชื่อได้เลยว่า “คลัสเตอร์สถานบันเทิง” จะยังเป็นแหล่งแพร่เชื้อ รอบสี่ รอบห้า และรอบต่อไปไม่รู้จบ
เรามาถึงจุด “เลาจน์ชนะ” ที่ “หมอชนะ” ก็เอาไม่อยู่ไปเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบนี้ ชาวบ้านก็ได้แต่ปลง และเฝ้าระวังตัวเองกันไป
** ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง “มาดามเดียร์” ซัด “ศักดิ์สยาม” ติดโควิดแล้วไม่แจ้งไทม์ไลน์ ไม่รับผิดชอบต่อสังคม โดยลืมไปว่า “ฉาย บุนนาค” สามีตัวเอง ก็เพิ่งจัดงานเลี้ยงใหญ่แบบละเลยการป้องกัน จนมีคนติดโควิดที่ยังไม่รู้ว่าจะลุกลามเป็น “คลัสเตอร์เนชั่น” หรือไม่
โควิดระบาดจาก “คลัสเตอร์ทองหล่อ” รอบนี้ ทำเอาปั่นป่วนไปทุกวงการ แต่ที่เป็นกระแสร้อนแรงในโซเชียลฯ คงไม่เกินวงการเมือง และวงการบันเทิง ที่ล้วนเป็นลูกค้าระดับไฮโซ
ในฝั่งของนักการเมืองคนที่อยู่ในกระแสแรงสุด คงไม่มีใครเกิน “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย ที่ผลการตรวจเชื้อเป็น “บวก” โดยเจ้าตัวระบุว่าติดเชื้อจากลูกน้องหน้าห้อง ... ในขณะที่โซเชียลฯ เมาท์กันว่าน่าจะติดมาจากคลับที่ทองหล่อ
“มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แกนนำกลุ่มดาวฤกษ์ ที่เคย “งดออกเสียง“ ในการโหวตญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ศักดิ์สยาม” จนเป็นเรื่องเป็นราวมาแล้ว ก็เลยใช้โอกาสนี้ออกมากระทุ้งให้ “ศักดิ์สยาม” แจกแจงไทม์ไลน์ว่าไปไหนมาบ้าง
“ในฐานะผู้แทนประชาชน และเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารประเทศ การแสดงตนเป็นตัวอย่างโดยการเปิดเผยไทม์ไลน์อย่างละเอียด ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติตามกฎหมาย และจิตสำนึกต่อสังคม #แฟร์กับประชาชน และ #หน้าที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ”
จะถือว่าเป็นการออกมาบลัฟ “ศักดิ์สยาม” ด้วยการเรียกร้องจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม แถมเอากฎหมายมาขู่ด้วยก็ว่าได้ เพราะเป็นที่รู้กันว่า “มาดามเดียร์-ศักดิ์สยาม” นับว่าเป็นคู่แค้นทางการเมือง ในขณะที่ “ฉาย บุนนาค” ประธานกรรมการบริหาร สื่อเครือเนชั่น สามีของมาดามเดียร์ กับพรรคภูมิใจไทย ก็ถือว่าเป็นคู่แค้นทางธุรกิจกันอยู่
เรื่องนี้ “บังซุป” ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ก็ออกมารับหน้าแทน “ศักดิ์สยาม” ว่า เรื่องการสอบสวนโรค เป็นหน้าที่ของแพทย์ และเจ้าตัวก็บอกแล้วว่าติดมาจากทีมงานหน้าห้อง ซึ่งทางทีมสอบสวนโรคจะไปดำเนินการตามกระบวนการต่อไป การติดโรคไม่ใช่อาชญากรรม...
และก็บังเอิญในช่วงที่กระแส “มาดามเดียร์-ศักดิ์สยาม” กำลังฮอตอยู่นี้ ก็มีข่าวว่า “สุรศักดิ์ อุดมศิลป์” พ่อของนักแสดงหญิง “ปันปัน” สุทัตตา อุดมศิลป์ ก็ติดเชื้อโควิด หลังเข้าอบรมหลักสูตร Digital Tranformation For CEO#3 เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา
หลักสูตรอบรมที่ว่านี้ จัดขึ้นโดยเครือเนชั่น ของ “ฉาย บุนนาค” โดยมี “บากบั่น บุญเลิศ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นสพ.ฐานเศรษฐกิจ สื่อในเครือเดียวกัน เป็น ผอ.หลักสูตร และในงานเลี้ยงผู้เข้าอบรมก็มีทั้งระดับเซเลบ คนดัง เจ้าของสื่อหลายค่ายเข้าร่วม ... ในโซเชียลฯ มีการโพสต์ภาพผู้เข้าร่วมงานที่กำลังครึกครื้น โดยไม่มีการเว้นระยะห่าง หรือสวมใส่หน้ากากป้องกันแต่อย่างใด
งานนี้ก็เลย “โป๊ะเชะ” ... เป็นทีที่ “บังซุป” ออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบต่อสังคมจากค่ายเนชั่น ของ “มาดามเดียร์” บ้าง
... ผมขอถามหาความรับผิดชอบต่อสังคม กรณีสื่อใหญ่แห่งนี้ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการภาครัฐ โดยปรากฏภาพประธานเครือเนชั่น ผู้บริหาร เข้าร่วมงานโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการภาครัฐ อย่างเคร่งครัด และมาดามเดียร์ ในฐานะภรรยา ผู้มีบทบาทเรียกร้องเกี่ยวกับการเปิดไทม์ไลน์ ของรัฐมนตรี แล้วทำไมปล่อยให้สามี ไปจัดงานโดยไม่ทำตามกติกา ศบค.จนมีคนติดเชื้อโควิดจากงานนี้
ตบท้ายด้วยว่า ที่มาดามเดียร์ ติดแฮชแท็ก #แฟร์กับประชาชน #หน้าที่มาพร้อมความรับผิดชอบ ... แล้วตัวเองทำหรือไม่ !!
นั้นเป็นเรื่องของการปะทะกันระหว่างคู่แค้นทางการเมือง คู่แค้นทางธุรกิจ แต่สำหรับประชาชนทั่วไป ต้องมาลุ้นระทึก หวาดผวากันว่า “คลัสเตอร์เนชั่น” จะระบาดรุนแรง ซ้ำเติมต่อเนื่องจาก “คลัสเตอร์ทองหล่อ” หรือไม่