เมืองไทย 360 องศา
นับจากวันนี้จนถึงวันที่ 9 เมษายน ที่ศาลมีกำหนดนัดฟังคำสั่งกรณีที่จำเลยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามความผิด มาตรา 112 และ มาตรา 116 และความผิดอีกหลายคดีตามฟ้องของบรรดา “แกนนำม็อบสามนิ้ว” บางคน ที่ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว (อีกรอบ)
ทั้งนี้ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า ได้มีการยื่นคำร้องขอประกันตัว นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ “หมอลำแบงค์” และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เพียง 3 คน ซึ่งศาลได้ทำการไต่สวนแล้ว จึงนัดฟังคำสั่งประกันในวันที่ 9 เมษายนนี้ เวลา 11.00 น. ส่วนคนอื่น ยังไม่ยื่นประกันตัว โดยไม่ระบุเหตุผล
มีรายงานว่า สำหรับรายงานกระบวนพิจารณามีเนื้อหาช่วงไต่สวนสรุปได้ว่า นายปติวัฒน์ จำเลยที่ 3 แถลงว่า “หากข้าพเจ้าได้รับการปล่อยชั่วคราว ข้าพเจ้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทุกที่ จะไม่มีการกล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามอาชีพหาเลี้ยงตน และจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสียโดยเด็ดขาด โดยยินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราวทุกประการ”
ขณะที่ นายจตุภัทร์ จำเลยที่ 7 กับ นายสมยศ จำเลยที่ 4 แถลงทำนองเดียวกันว่า “หากข้าพเจ้าได้รับการปล่อยชั่วคราว ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้เสื่อมเสียสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยยินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราวทุกประการ”
นางพริ้ม บุญภัทรรักษา มารดาของนายจตุภัทร์ แถลงว่า “หากมีการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 7 ข้าพเจ้าจะรับรองกำกับดูแลจำเลยที่ 7 ให้ปฏิบัติตามสัญญาที่แถลงไว้ต่อศาล”
น.ส.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์ภาคสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.เกษตรศาสตร์ แถลงว่า “ข้าพเจ้าจะรับรองกำกับดูแลจำเลยที่ 3 และ 4 ให้ปฏิบัติตามสัญญาที่แถลงไว้ต่อศาล หากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว”
ส่วนพนักงานอัยการโจทก์ แถลงว่า เนื่องจากมีข้อเท็จจริงเกิดขึ้นใหม่จำเลยที่ 3, 4, 7 มีผู้รับรองคอยดูแลให้ปฏิบัติตามสัญญาที่แถลงไว้ต่อศาล พนักงานอัยการโจทก์ จึงไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว ขอให้เป็นดุลพินิจของศาล
ทำให้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า ในวันที่ 9 เมษายน ที่จะถึงนี้ จำเลยทั้งสามคนดังกล่าว จะได้รับการประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีหรือไม่ ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่ดุลพินิจของศาล แต่หากพิจารณาจากความรู้สึกในแบบที่ยังไม่ได้พิจารณาข้อมูลในแบบลึกซึ้งอะไรแล้ว ก็ต้องถือว่าสำหรับจำเลยทั้ง 3 คนที่ว่านี้ “มีโอกาส” มากกว่าครั้งก่อนมากมาย
โดยเฉพาะในรายของ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ “หมอลำแบงค์” ที่ถึงขนาดแถลงยืนยันต่อศาลว่า “หากข้าพเจ้าได้รับการปล่อยชั่วคราว ข้าพเจ้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทุกที่ จะไม่มีการกล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามอาชีพหาเลี้ยงตน และจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสียโดยเด็ดขาด โดยยินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราวทุกประการ” ซึ่งถือว่าเป็นคำยืนยันที่หนักแน่น โดยเฉพาะหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว จะไม่ไปยุ่งเกี่ยว หรือเคลื่อนไหวชุมนุมใดๆ รวมไปถึงการเคลื่อนไหวพูดจาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ จะขอกลับไปทำมาหากินเลี้ยงชีพโดยสุจริต แบบนี้แหละ ถึงเรียกว่า “มีลุ้นมากที่สุด” รวมไปถึงสองคนที่ยื่นคำร้องในคราวเดียวกันด้วย
แน่นอนว่า มันช่างแตกต่างกันลิบลับกับกรณีของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ที่มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามศาลจนถูกสั่งขังจากการ “ละเมิดอำนาจศาล” เป็นเวลา 15 วันมาแล้ว รวมไปถึงการ “อดอาหารประท้วง” ศาล หลังจากไม่ได้รับการประกันตัว โดยอ้างในเรื่องสิทธิของจำเลยที่ระบุว่าคดียังไม่ถึงที่สุด ย่อมถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี รวมไปถึงที่ผ่านมาก็มีบรรดาอาจารย์มหาวิทยาลัยนับร้อยคน ลงชื่อรับรองการประกันตัว รวมไปถึงการเพิ่มหลักทรัพย์ประกัน แต่ศาลก็ยกคำร้องทุกครั้ง โดยให้เหตุผลในเรื่องพฤติกรรมทำความผิดซ้ำซาก และไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยเฉพาะการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ที่คนไทยส่วนใหญ่เทิดทูน จงรักภักดี ถือว่ามีพฤติกรรมย่ำยีความรู้สึกของคนไทย
ขณะเดียวกัน ท่าทีแบบเดียวกันนี้ ยังไม่ต่างจากกรณีของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” ที่ออกมาในแบบเดียวกันระหว่างการแถลงต่อศาล คราวเดียวกับจำเลยทั้ง 3 คน ที่ยืนยันจะไม่เคลื่อนไหวแบบเดิมอีก โดย น.ส.ปนัสยา ยังอ้างว่าการไม่ได้รับประกันตัวทำให้เสียโอกาส โดยเฉพาะโอกาสทางการศึกษา และอ้างถึงเรื่องยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สุด พร้อมขู่ศาลว่า หากไม่ได้รับการประกันตัวจะอดอาหารประท้วงเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งตามข่าวบอกว่าเธอได้อดอาหารมาแล้ว
เมื่อพิจารณาแบบนี้ มันก็เชื่อได้เลยว่า ทั้ง “เพนกวินและรุ้ง” คงต้องได้ “อดอาหาร” ในเรือนจำต่อไปอีกยาว เพราะในเมื่อยังยืนยันท่าทีแบบเดิม มันก็มีโอกาสที่จะได้รับการประกันตัวน้อยมาก เพราะพิจารณาจากข้อมูลเท่าที่เห็น ก็ไม่ถือว่ามีข้อมูลใหม่แต่อย่างใด ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลานี้ข้างนอกก็เริ่มมีม็อบใหม่ ในชื่อที่จำยาก ประเทศ “สามัคคีชุมนุม” ที่นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็แล้วกัน ซึ่งนั่นก็ย่อมทำให้สังคมเริ่มนึกถึง “แกนนำสามนิ้ว” ในคุกน้อยลงไปอีกด้วย !!
