“ธนกร” ป้อง “บิ๊กตู่” ย้อน “พิชาย” ใครกันแน่วิจารณ์แบบใช้อารมณ์เหนือเหตุผล เย้ยพวกหลับหูหลับตาวิจารณ์ ระวังลูกศิษย์ทยอยหดหาย แนะชนชั้นกลางและชั้นสูงกำลังตั้งสติ โดยเริ่มจากเลิกฟัง “กษิต” พล่าม จวกเลขาฯ ครส. รัฐไม่เคยทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง แต่คนพูดต่างหากที่กำลังทิ้งความถูกต้อง
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (คปร.) จัดเสวนา โดย รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ประธาน ครป. และอาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำการเมืองแบบมาเฟีย ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ยิ่งกว่าระบอบทักษิณ ไม่เปิดพื้นที่ความคิดเห็นความเห็นต่าง ร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่ให้แก้ไข นำไปสู่การเมืองสิ้นหวังว่า น่าจะเป็น รศ.ดร.พิชายมากกว่าที่วิจารณ์แบบใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ไม่เปิดใจยอมรับความจริงและเหตุผลเสียบ้าง ถ้าการเมืองสิ้นหวังจริงอย่างที่ว่า มูดี้ส์ ฟิทช์เรตติ้ง และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส คงไม่จัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่เหมือนระบอบทักษิณมีการทุจริตคอร์รัปชันมากมาย
นายธนกรกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร คณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า ระบุว่า รัฐบาลประยุทธ์บริหารเศรษฐกิจผิดพลาด ไม่มีความรู้ ใกล้ถึงจุดจนตรอก เป็นไพ่ใกล้หมดสำรับ นับถอยหลังอายุของรัฐบาลได้เลย เพราะก่อหนี้สินเยอะแยะจากการกู้ และมากกว่านายกฯ คนอื่น 18 เท่าตัวนั้น รัฐบาลดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจอย่างถูกต้องไม่ได้ผิดพลาดแต่ประเทศประสบปัญหาโควิด-19 ทั่วโลกก็เจอเหมือนกัน จึงต้องบริหารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางสาธารณสุข ใช้มาตรการเยียวยาและฟื้นฟูต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การบริโภค และการท่องเที่ยว ทำให้พื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยทั้งการเงินและการคลังยังเข้มแข็ง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโต GDP ของไทยในปี 2564 อยู่ที่ร้อยละ 4 คงเป็น รศ.ดร.วิวัฒน์ชัยมากกว่า ที่หลับหูหลับตาวิจารณ์เหมือนคนไม่มีความรู้ คงต้องนับถอยหลังวันที่ลูกศิษย์ทยอยหดหายได้เลย
นายธนกรกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.การต่างประเทศ ระบุว่า 7 ปีของรัฐบาลประยุทธ์ทำ 2 เรื่องคือ 1. เมกะโปรเจกต์ต่างๆ แต่ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน เช่น โครงการอีอีซี ยังไม่มีผลงาน มอบโครงการให้แก่ 2-3 ครอบครัวโดยไม่ประกวดราคา และ 2. เอาภาษีไปใส่โครงการประชานิยม ไม่นำไปสู่การสร้างงาน แต่หวังผลทางการเมือง และทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันมหาศาล ขอให้ประชาชนชั้นกลางและชั้นสูงตั้งสติ เลิกงมงายระบอบประยุทธ์นิยมนั้น สิ่งที่นายกษิตพูดไม่ใช่ความจริง ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ใส่ร้ายรัฐบาล รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ 4 อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสูง และมีแนวโน้มเป็นอุตสาหกรรมใหม่ของโลก ได้แก่ (1. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (2. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีการแพทย์และการดูแลสุขภาพ และ (4. อุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งเป็นการวางรากฐานเพื่ออนาคตทั้งสิ้น ซึ่งการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้ย่อมต้องใช้เวลา แต่เห็นผลเป็นรูปธรรมแน่นอน ตรงข้ามกับนายกษิตที่วันนี้ตนพยายามนึกย้อนกลับไปก็ยังนึกไม่ออกว่าทำผลงานอะไรไว้บ้าง ขนาดที่ผ่านมาคนในพรรคเดียวกันแท้ๆ ก็ยังกดดันให้พ้นจากรัฐมนตรีมาแล้ว ดังนั้น ถ้าชนชั้นกลางและชนชั้นสูงจะเลิกงมงายอย่างเป็นรูปธรรมที่สุดก็คือ คงต้องเลิกฟังนายกษิตพล่ามก่อนเป็นอันดับแรก
นายธนกรกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ระบุว่า รัฐบาลบอกประชาชนจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ประชาชนถูกกระทืบ ใช้มาตรา 112 และกฎหมายอื่นๆ พร่ำเพรื่อ ทางออกคือนายกฯ ลาออก ก่อนจะกลายเป็นทรราชหากมีการนองเลือดเกิดขึ้นนั้น รัฐบาลเร่งแก้ไขความเดือดร้อนให้แก่ทุกภาคส่วน สร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่คนรุ่นใหม่และผู้สูงอายุ ลดความเหลื่อมล้ำ เช่น การมอบให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกันดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเชื่อมโยงที่อยู่อาศัยเข้ากับแหล่งงานให้กับคนรุ่นใหม่วัยทำงาน หรือมาตรการการเปิดประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวจะเสนอแผนให้ชาวต่างชาติเข้ารับการกักตัวในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ภูเก็ต กระบี่ และเชียงใหม่ โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้ จะเห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามทยอยเยียวยาในทุกภาคส่วน ไม่เคยทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง ถ้าจะมีใครทิ้งอะไรไว้ ก็คงเป็นนายบุญแทนที่ทิ้งความถูกต้องไว้ข้างหลัง แล้วจมปลักอยู่กับคำพูดของม็อบว่า นายกฯ ต้องลาออก ถ้าคิดได้แค่นี้ก็เลิกเหนียมอายแล้วโดดขึ้นเวทีม็อบให้รู้แล้วรู้รอดไป