xs
xsm
sm
md
lg

นายกรัฐมนตรี ออกสารเนื่องในวันน้ำโลก ประจำปี 2564 ชี้ไทยเจอวิกฤตน้ำ เหตุประชากรเพิ่ม ขอใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไทยมุ่งเน้น “การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า” รับทศวรรษใหม่ ชูพลังเยาวชนสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านน้ำ ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ท่ามกลางวิกฤตด้านน้ำ สอดคล้องกับประเด็นหลักที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญสำหรับวันน้ำโลกปี 2564 และยังให้ความสำคัญกับการพัฒนา ขับเคลื่อน ยกระดับความร่วมมือของทุกภาคส่วน พร้อมผลักดันพลังเยาวชนทั่วประเทศ ขับเคลื่อนประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านน้ำ

องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 22 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันน้ำโลก (World Water Day) เพื่อให้ประชาคมโลกตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ และร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟูและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน เนื่องจากน้ำเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด รวมถึงจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์

ทั้งอุปโภค บริโภค และประกอบอาชีพ โดยมุ่งเน้นการมีน้ำสะอาดอย่างพอเพียงสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียมและให้ทุกภาคส่วนร่วมบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งในแต่ละปี องค์การสหประชาชาติ จะกำหนดประเด็นสำคัญเพื่อกระตุ้นเตือนให้เกิดการดำเนินการในเรื่องน้ำร่วมกัน ปี ค.ศ. 2021 เป็นปีเริ่มต้นทศวรรษใหม่ จึงมีนโยบายให้เป็นทศวรรษแห่งการร่วมลงมือปฏิบัติของทุกประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Decade of Action to deliver the Global Goals) รวมถึงประเด็นด้านน้ำ
(SDG6:Clean Water & Sanitation) ซึ่งในปีนี้ให้ความสำคัญกับ Valuing Water หรือ การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า โดยในวันน้ำโลกปีนี้


ล่าสุด วันนี้ (22 มี.ค) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีสารถึงประชาชนไทยเพื่อความเข้าใจและความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตน้ำที่เกิดขึ้นในโลกรวมถึงประเทศไทยดังนี้ ว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน ตามที่องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปี เป็นวันน้ำโลก เพื่อให้ทุกประเทศตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ และกระตุ้นให้ประชาคมโลกร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการ ตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในปี 2564 นี้ ได้ให้ความสำคัญในประเด็น “การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า”

“น้ำ” เป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อทุกชีวิตบนโลก ในอดีตน้ำมีความสมบูรณ์ทั้งปริมาณและคุณภาพ แต่ปัจจุบันทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตด้านน้ำ โดยมีสาเหตุมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมีปริมาณมากขึ้นทั้งในด้านการอุปโภคบริโภค การบริการ และการผลิต ซึ่งร้อยละ 80 ของน้ำที่ผ่านการใช้ จะกลายเป็นน้ำที่มีการปนเปื้อนปล่อยกลับลงสู่แหล่งน้ำ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจก่อให้เกิดภัยแล้งและอุทกภัย ทำให้การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเป็นไปด้วยความท้าทายมากยิ่งขึ้น

ในปีนี้ เป็นปีเริ่มต้นทศวรรษใหม่ องค์การสหประชาชาติจึงมีนโยบายให้เป็นทศวรรษแห่งการร่วมลงมือปฏิบัติของทุกประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า อันเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการบริหารจัดการน้ำ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ซึ่งประเทศไทยได้กำหนดแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านน้ำ โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างสมดุลในด้านการดำเนินชีวิต การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

รัฐบาลจึงขอเชิญชวนภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนทุกท่าน ร่วมมือร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้ประเทศไทยสืบต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น