วันนี้ (17 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าประชุมร่วมกันของรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาวาระ 3 ของร่างรัฐธรรมนูญฯ แก้ไขเพิ่มเติมว่า แม้จะมีคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว แต่ก็ยังมีเครื่องหมายคำถามและมีข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในวงการต่างๆ แม้แต่ในผู้ที่มีประสบการณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญมา รวมทั้งในระหว่างสมาชิกรัฐสภาด้วยกันเอง เพราะฉะนั้น ตรงนี้จึงเป็นที่มาที่คิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้มีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ให้ความกระจ่างเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุที่ถือว่าเมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องของอำนาจ หรือในเรื่องหน้าที่และอำนาจของสมาชิกรัฐสภา รัฐสภาสามารถที่จะมีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเพื่อจะให้เกิดความชัดเจน เพราะฝ่ายหนึ่งก็คิดว่าไม่สามารถที่จะลงมติวาระ 3 ได้ อีกฝ่ายหนึ่งก็เชื่อว่าจากคำวินิจฉัยกลางก็สามารถลงมติในวาระ 3 ได้ สิ่งนี้ก็คือปัญหาในเรื่องหน้าที่และอำนาจที่มีความชัดเจนในตัวของมัน และเกิดขึ้นแล้ว ณ เวลานี้ รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งเพื่อให้เกิดความกระจ่างว่าตกลงรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตกไปทั้งฉบับหรือไม่ เป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติม หรือเป็นร่างในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งหมด เพราะร่างดังกล่าวมี 2 หลักการอยู่ด้วยกัน หลักการหนึ่งคือเรื่องของการแก้มาตรา 256 ส่วนอีกหลักการหนึ่งก็คือการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่าง หรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยกเว้นหมวด 1 หมวด 2 อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้นจึงเป็นคำถามที่ควรจะได้มีการทำให้เกิดความชัดเจน
นายจุรินทร์ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง เช่น ในเรื่องของการทำประชามติ คำว่า “ให้ทำประชามติเสียก่อน” ถ้ามีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่นั้น หมายถึง “เสียก่อนวาระหนึ่ง” หรือ “เสียก่อนที่จะมีการตั้ง ส.ส.ร.” เพราะฉะนั้น ทั้งหมดนี้จึงนำไปสู่สิ่งที่ตนคิดว่าควรจะได้รับความกระจ่างเพื่อให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้สามารถที่จะดำเนินการไปได้ตามกระบวนการที่ชอบโดยรัฐธรรมนูญ และชอบด้วยโดยคำวินิจฉัยของศาลธรรมนูญอย่างแท้จริง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็มีความเห็นไว้เช่นนี้ ตนได้ขอให้ประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ได้ไปหารือกับวิปของพรรคร่วมรัฐบาลผลเป็นอย่างไรก็ยังไม่ทราบ แต่ประชาธิปัตย์ก็มีความคิดเห็นเบื้องต้นอย่างนี้ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์นี้ในความเห็นของพรรค
“เรื่องดังกล่าวควรถามศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนเพื่อให้ได้คำวินิจฉัยที่ชัดเจนเพิ่มเติม หรือกระจ่างเพิ่มเติมขึ้น ซึ่งจะทำให้การลงมติวาระ 3 มีคำตอบตามมาว่าสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ จะได้ไม่ขัดแย้งกัน”