อดีตรองโฆษก ปชป.ระอาม็อบสามนิ้ว คุกคามศาลไม่เลิก เตือนอย่าอ้างเสรีภาพทำผิดกฎหมาย แนะ เลิกท้ารบกับศาล เร่งถอดบทเรียนทำไมยิ่งชุมนุมคนยิ่งถอยห่าง ก่อนไม่เหลือมวลชนหนุน
วันนี้ (10 มี.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องหยุดคุกคามศาลยุติธรรม ว่าเมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเดินทางมาทำกิจกรรม “ร่วมไว้อาลัยหน้าศาล” โดยสวมเสื้อดำ ผูกริบบิ้นสีขาว และวางพวงหรีดเพื่อไว้อาลัยต่อกระบวนการยุติธรรม หลังจากศาลไม่ให้ประกันตัวแกนนำกลุ่มราษฎร ประกอบด้วย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ซึ่งผู้ชุมนุมได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณหน้าศาล วางพวงหรีดและดอกไม้หน้าประตูศาล ใช้ริบบิ้นสีขาวผูกประตูและรั้วศาล นอกจากนี้ยังมีการเขียนข้อความด่าทอโจมตีศาล และสถาบันเบื้องสูง ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและรุนแรง ตามที่ปรากฏตามสื่อซึ่งไม่ขอนำมาเผยแพร่ต่อ รวมทั้งพฤติการณ์ก่อนหน้านี้อีกหลายครั้ง ถึงขั้นจุดไฟเผารั้วศาลก็มี พฤติการณ์ดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอำนาจศาลอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของศาล และดึงศาลมาเป็นคู่ขัดแย้งซึ่งทำกันอย่างเป็นขบวนการ นับตั้งแต่ยุคนายทักษิณ ชินวัตร ถ้าศาลตัดสินไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเองก็จะโจมตีว่าศาลสองมาตราฐาน แต่ถ้าคดีไหนศาลตัดสินให้ฝ่ายตนเองได้ประโยชน์ก็จะชื่นชมออกหน้าออกตา อย่างเช่นกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำม็อบราษฎรก่อนนี้ นายปิยบุตรก็ออกมายกยอศาลว่ามีความกล้าหาญอย่างน่าชื่นชม
นายเชาว์ยังได้เตือนผู้ที่ออกมาชุมนุมว่า อย่าตกเป็นเครื่องมือของขบวนการทำลายศาลซึ่งมีอีแอบชักใยอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ก่อการก็หนีความผิดไม่พ้นคุก ให้ดูคดีตัวอย่างของผู้ชุมนุมในอดีตไม่ว่าเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือ กปปส.ต่างเดินเข้าคุกกันเป็นแถว การกล่าวหาว่าศาลสองมาตรฐานให้ประกันตัว 8 แกนนำ กปปส. แต่กลับไม่ให้ประกันตัวแกนนำม็อบราษฎรตามที่ยกมาเปรียบเทียบนั้น ความจริงแล้ว 2 คดีนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สาเหตุที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำม็อบราษฎร เนื่องจากเคยมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวไปหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อออกไปก็ยังกระทำผิดซ้ำในความผิดที่ถูกกล่าวหาไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และนับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ศาลจึงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องปรามการกระทำผิดและส่วนได้เสียของบุคคลและสังคมที่ถูกละเมิด
“ขอเตือนกลุ่มม็อบราษฎรด้วยความหวังดี อย่าใช้การเรียกร้องความยุติธรรมมาทำผิดกฎหมายเสียเอง มิฉะนั้นจะกลายเป็นผู้ต้องหาหรือตกเป็นจำเลยเข้าไปอยู่ในคุกโดยไม่จำเป็น และขอแนะนำให้ทบทวนแนวทางการเคลื่อนไหวเสียใหม่ ก่อนที่จะไม่เหลือมวลชนมาเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ เพราะทุกวันนี้ก็บางตาลงเรื่อยๆ เป็นเพราะอะไร กลับไปถอดบทเรียนดีกว่ามาท้ารบกับศาลครับ”