“ประยุทธ์” เปิดทำเนียบฯ พบเอกอัครราชทูตเบลเยียม เน้นย้ำความร่วมมือด้านวัคซีน และเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุน เพื่อฟื้นฟูหลังสถานการณ์โควิด-19
วันนี้ (1 มี.ค.) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางซีบีย์ เดอ การ์ทีเย ดีฟว์ (H.E. Sibille de Cartier d’Yves) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตฯ ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย และแสดงความยินดีแก่เอกอัครราชทูตฯ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ในประเทศไทย โดยไทยและเบลเยียมมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่า 153 ปี ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายใกล้ชิด หวังว่าประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเอกอัครราชทูตฯ จะสานต่อความสัมพันธ์ที่ดีของไทยและเบลเยียมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โอกาสนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวแสดงความยินดีไปยังนายอาเล็กซันเดอร์ เดอ โกร ในโอกาสได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเบลเยียม เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีข้อความสารแสดงความยินดีไปยังนายกรัฐมนตรีเบลเยียมไปด้วยแล้ว ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมยืนยันปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-เบลเยียมอย่างแข็งขัน และสานต่อความร่วมมือในส่วนที่ทั้งสองฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกันในทุกๆ มิติ
ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมแนวทางของรัฐบาลเบลเยียมในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยให้ความสำคัญต่อการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และอยู่ระหว่างการจัดการตามแผนกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้ครอบคลุม หวังว่าไทยและเบลเยียมจะสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกันได้ในอนาคต นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณรัฐบาลเบลเยียมที่ได้ให้ความช่วยเหลือแก่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ และชุมชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในเบลเยียมในช่วงที่ผ่านมา โดยขอให้เชื่อมั่นว่า รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองดูแลชาวเบลเยียมที่อาศัยอยู่ในไทยเช่นเดียวกัน ด้านเอกอัครราชทูตฯ ชื่นชมรัฐบาลไทยในการเป็นตัวอย่างที่ดีเรื่องการจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีการดูแลชาวต่างชาติและนักการทูตที่อาศัยอยู่ในไทยอย่างทั่วถึง หวังว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินการตามแนวทางการกระจายวัคซีนให้ประชาชนไทยได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับไทยในด้านการผลิตวัคซีนในอนาคต
สำหรับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเล็งเห็นถึงศักยภาพในการขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ภาคเอกชนเบลเยียมเชื่อมั่นในการลงทุนในไทย และเชิญชวนเบลเยียมให้ลงทุนเพิ่มขึ้นในไทยในสาขาที่เบลเยียมมีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ ชีวเภสัชภัณฑ์ และโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งเชิญชวนเบลเยียมร่วมมือกับไทยในด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model : BCG Economy Model) ซึ่งจะเป็นสาขาที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องในการผลักดันการทำงานร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูการเจรจาความตกลงเสรีการค้าไทย-สหภาพยุโรป โดยไทยประสงค์ที่จะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจกับสหภาพยุโรปที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง ด้านเอกอัครราชทูตฯ ยินดีพิจารณาการขยายความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันเพิ่มเติม พร้อมสนับสนุนกระบวนการเจรจาความตกลงเสรีการค้าไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายภายหลังวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19