ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“บิ๊กตู่”-“บิ๊กปั๊ด” ถ้าไม่ทำความจริงให้ปรากฏ กรณีคดี “ตำรวจใหญ่” ถูกซัดทอดพันแก๊งยาไอซ์ ส่อมวยล้มต้มคนดู งานนี้ระวังถูกเหมารวมร่วมขบวนการ “เมียวดี conspiracy” นะจะบอกให้ ! สังคมกำลังจับตามองกันทุกความเคลื่อนไหวจริงๆ กับสิ่งที่จะเกิดอะไร หรือไม่เกิดอะไรในวงการสีกากี หลังปรากฏเรื่องอย่างน้อย สองเรื่อง ซึ่งที่จริงก็เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ทั้งเรื่อง “สองตำรวจใหญ่” ถูกซัดทอดสมคบกับขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ และ “ตั๋วช้าง” ที่ถูกหยิบมาอภิปรายในสภา และ ม็อบ 3 นิ้ว โดดงับจะจัดม็อบบี้ซ้ำในช่วงนี้
ว่ากันต่อว่าจะมีอะไรในก่อไผ่หรือไม่ หรือจะมีการตัดสินใจ หรือมีคำสั่งบางอย่างของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ ออกมาหลังจากนี้หรือไม่ ซึ่งเรื่องราวของตำรวจวันนี้ ทำเอานายกฯอารมณ์เสียออกสื่อ พร้อมๆ กับเมื่อเย็นวาน เรียก “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาพบที่ทำเนียบฯ อีกครั้ง หลังจากก่อนนี้เรียกมาพบสองครั้ง โดยครั้งนี้ใช้เวลาเข้าพบ ราว 1 ชม. คาดกันว่า “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กปั๊ด” หารือถึงเรื่องร้อนๆ ภายในของตำรวจนั่นเอง
ผลการพูดคุยระหว่างลุงตู่กับบิ๊กปั๊ด จะพูดอะไรกันแค่ไหน อย่างไร ไม่มีใครทราบ แต่จับสัญญาณจากที่นายกฯ มาตอบคำถามสื่อ แบบจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกว่า “ไม่มีความขัดแย้งอะไรหรอก เดี๋ยวก็ทำให้มันถูกต้อง” ฟังๆ อดคิดไม่ได้ว่างานนี้ จะมีรายการ “มวยล้มต้มคนดู” คล้ายๆ คดีจับ “หลงจู๊สมชาย” เจ้าพ่อบ่อนตะวันออกยังไงไม่รู้
คำว่า “เดี๋ยวทำมันให้ถูกต้อง” ของนายกฯ คืออย่างไร?? หากหมายถึง คำสั่งของ ผบ.ตร. ที่ออกมาวันก่อน ให้ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ภาค 6 ไปติดตามขยายผลคดี และเร่งรัดควานหาผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ก็บอกได้เลยวา ฟังแล้วหดหู่ ละเหี่ยใจจริงๆ
นั่นเพราะ ประเด็นหลักของเรื่อง ซึ่งก็คือ เอกสารที่เผยแพร่ออกมา กลับไม่ถูกขยายผล ทั้งๆ ที่จริงควรที่จะเริ่มได้เลย โดยปกติขั้นตอนการสอบสวนที่ตำรวจทำกันมา ใครถูกซัดทอด โยงใยเกี่ยวพันถึงใคร อย่างไร ก็แค่นำตัวผู้ที่ถูกซัดทอดมาสอบหาข้อเท็จจริง มิใช่หรือ ??
ความผิดปกติของคดีนี้ คือ คณะสอบสวนของตำรวจภาค 6 เจ้าของพื้นที่ที่มีการจับกุมยาไอซ์ ล็อตมโหฬาร 1,500 กิโลฯ เมื่อ ต.ค. 62 แล้วต่อมามีพยานซัดทอดถึง “นายตำรวจใหญ่” สองคน ทำไมจึงไม่เรียกตัวทั้งสองคนมาสอบสวน หรือมาให้ปากคำกับทีมสอบสวน และเพราะเหตุใดจึงเตะถ่วง ลากยาวมาปีเศษๆ โดยที่ตัดสำนวนออกไปชนิดที่ไม่มีคำอธิบาย หรือรายงานส่ง ตร.
อย่างน้อยๆ ที่ควรทำก็ต้องให้ ทั้ง “พ.ต.อ.” และ “พล.ต.ท.” ที่พยานซัดทอดในฐาน “สมคบ” กับขบวนการยาเสพติดรายนี้ ออกจากตำแหน่งชั่วคราว แล้วให้คณะสอบสวน ได้สอบสวนเพื่อความโปร่งใส และยุติธรรมกับทุกฝ่าย
กลับกลายเป็นว่า หลัง “บิ๊กตู่” เรียก “บิ๊กปั๊ด” เข้าพบ เวลานี้ทุกอย่างให้เริ่มต้นกันใหม่ และ พยายามทำเรื่องนี้ให้เป็นความขัดแย้งของสองนายพล เป็นเรื่องปล่อยเอกสารออกมาทำลายอีกฝ่าย ระหว่าง “พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์” รอง ผบ.ตร. กับ “พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ “ลุงตู่” ในฐานะประธาน ก.ตร. จะมานั่งหัวโต๊ะหล่อๆ ทำพิธีสลายปมความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง แล้วจบๆ กันไป..
ลุงตู่จะเอาแบบนี้หรือ ?
อีกประเด็นที่สำคัญ ที่งานนี้ส่อว่าจะเป็น “มวยล้มต้มคนดู” ก็เพราะ คนวงในรู้กันว่า “บิ๊กปั๊ด” ผบ.ตร. ได้รับรายงานคดีจาก “บิ๊กใหม่” มาโดยตลอด ตั้งแต่แรกจับกุม จนขยายผลจนพยานซัดทอด รู้ปัญหา รู้อุปสรรคทุกขั้นตอน แต่ก็ยังออกคำสั่งแบบลูบหน้าปะจมูก ให้ “พล.ต.อ.มนู” ที่ก็รู้กันว่า มีความสนิทสนมเป็นส่วนตัวกับ “พล.ต.ท.” ที่ถูกซัดทอด ไปลงพื้นที่ทำงานใหม่ จะให้แปลความกันอย่างไร ??
นี่คือสิ่งที่สังคมตำรวจกำลังตั้งคำถามกัน งานนี้เกรงอกเกรงใจใครหรือไม่ ?
ยิ่งถ้าเป็นตำรวจที่คิดเป็น ตามเกมทัน เชื่อมโยงจากคอนเนกชั่นต่างๆ ไล่มาตั้งแต่ “หลงจู๊สมชาย” “เสี่ยโป้ โป้ อานนท์” ธุรกิจตู้ม้า ตู้สล็อต บ่อนพนันบนดิน บ่อนออนไลน์ ก็จะเห็นภาพชัด
จากฝั่งไทยไปฝั่งเมียนมา รวมศูนย์อยู่ที่ “เมียวดีคอมเพล็กซ์” ที่ครบครันทุกอย่าง ทั้ง บ่อน ยาเสพติด และการฟอกเงิน จะเห็นตัวละคร ที่เกี่ยวข้องกันเป็นขบวนการใหญ่
เรียกว่า “เมียวดีคอมเพล็กซ์” คือ การเชื่อมโยงขุมข่ายพลังที่ใหญ่โตโอฬารกว่าที่เคยมีมา ดังนั้น คดี “นายตำรวจใหญ่” ที่เป็นประเด็นที่กำลังกล่าวขวัญถึง คนที่มีอำนาจยิ่งต้องกระทำให้สังคมได้เห็นว่า ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเครือข่ายที่เป็นภัยร้ายแรงของชาติ และประชาชน
ในแง่ ส่วนตัว ผบ.ตร. ที่เติบโตมากับสายงานสอบสอบสืบสวนมาทั้งชีวิต เรื่องทำนองนี้มีหรือจะไม่ทราบว่า เรื่องมันใหญ่แค่ไหน
ขั้นตอนการทำงานสืบสวนสอบสวน มาถึงตรงนี้ มีหรือจะไม่ทราบว่า ควรต้องทำอย่างไร คดีแบบนี้ “บิ๊กปั๊ด” แม้จะหลับตาก็ยังเดินได้ถูกทางถ้าจะเอากันตามเนื้อผ้า
หนังสือคำสั่ง “ด่วนที่สุด” ของ “พล.ต.อ.สุชาติ” ใช่เป็นหลักอยู่แล้วหรือไม่ ทำไมไม่เดินไปตามนั้น ข้อนี้ ผบ.ตร. ทำไมมองข้ามไป มันเป็นเรื่องที่ชวนคิดยิ่งนัก อะไรทำให้ ลุงตู่ กับ บิ๊กปั๊ด ยึกยัก ??
ชวนคิดพอๆ กันกับเมื่อขมวดปมท่าทีของ ลุงตู่ และ บิ๊กปั๊ด วันนี้ “ทรง” มันออกส่อไปทาง สองคนยลตามช่อง มองแต่จะหาทางออกทางรอดให้ตัวเอง โดยที่ไม่ทำความจรืงให้ปรากฏ
งานนี้ ถ้าจะมาแบบมวยล้มต้มคนดูก้อ..ต้องเตือนกันไว้ก่อนว่า สังคมจะอดคิดไม่ได้น่ะสิ... หรือว่า นายกฯ และ ผบ.ตร. ถูกมนต์สะกดของเครือข่าย “เมียวดีคอมเพล็กซ์” สะกดให้อยู่ใต้อาณัติ “เมียวดี conspiracy” ร่วมขบวนสมคบคิดไปกะเขาด้วย ...ระวังนะทั่น !
** “โอ๊ค” โดนอะไรเข้าสิง ช่วงนี้โผล่ถี่ วัคซีนเข็มแรกก็ดรามา หาเรื่องแซะ “ลุงตู่” จนได้
ช่วงนี้มีคนถามว่า ...“โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ทักษิณ ชินวัตร กินดีหมี หัวใจเสือ หรือไปโดนอะไร “เข้าสิง” มา จึงออกมาแซะ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แบบถี่ๆ
ขนาดเรื่องที่ “ลุงตู่” บอกพร้อมจะฉีดวัคซีนเข็มแรก ก็ยังหยิบมาเป็นดรามาได้ ...
โดยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra ถึงข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรี พร้อมฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 จากบริษัท ซิโนแวค ประเทศจีน ที่จะเข้าถึงไทยในวันที่ 24 ก.พ. นี้เป็นคนแรกว่า ...
“อ้าว...เฮ้ย! “ผู้นำ” ทำแบบนี้ก็ได้เหรอ ?? ประเทศไทยฉีดวัคซีนให้ประชาชน ล่าช้ากว่าประเทศอื่นจนอาจกระทบ ทำให้โครงสร้างทางธุรกิจเสียหาย ไม่ทันประเทศอื่น โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว ที่ถือเป็นห่วงโซ่ทางธุรกิจอันดับต้นๆ ของประเทศ
ถ้าคนเป็นนายกรัฐมนตรี คิดว่าการจัดวัคซีนฉีดให้คนไทยไม่ชักช้า ตัวเองก็ไม่ควรรีบร้อนฉีดเป็นคนแรกๆ ครับ ผู้นำประเทศ ควรเสียสละ โดยเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า การฉีดวัคซีนให้คนไทยไม่ล่าช้า ด้วยการยอมเสียสละฉีดเป็นคนสุดท้ายครับ ไม่ใช่เอาตัวรอด # ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ถ้าผู้นำทำตัวแบบนี้คนไทยจะไม่เชื่อมั่นในตัวผู้นำ มากกว่าไม่เชื่อถือวัคซีนครับ”
กลายเป็นว่า “โอ๊ค” ออกมาเกาะกระแสวัคซีน แบบยิ่งกว่ามองคนละมุม... แต่มองแบบ “กลับหัวกลับก้น”!!
เพราะการที่ “ลุงตู่” แสดงเจตจำนงว่าพร้อมที่จะฉีดเป็นคนแรก ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เหมือนกับผู้นำหลายๆ ประเทศได้ฉีดให้ดูเป็นตัวอย่าง ...โดยเฉพาะเพื่อสร้างความมั่นใจในตัว “วัคซีนของซิโนแวค” หลังจากถูกฝ่ายค้านหยิบมาเป็นประเด็นการเมือง บิดเบือน โจมตีในเรื่องของคุณภาพ ... แต่ “โอ๊ค” กลับมองว่าถ้าจะเรียกความเชื่อมั่น นายกฯ ต้องฉีดเป็นคนสุดท้าย !!
เรื่องนี้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข บอกว่าในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯได้กวักมือเรียกให้เข้าไปหา แล้วบอกว่า “หนู ถ้าพี่ฉีดได้ พี่ฉีดนะ ประชาชนจะได้มั่นใจ” ซึ่ง “เสี่ยหนู” ก็เห็นด้วยในเรื่องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน แต่จะฉีดได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ของคณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีน เป็นผู้ตัดสินใจ
เพราะวัคซีนของ “ซิโนแวค” จะเข้ามาในวันที่ 24 ก.พ.นี้ มีข้อบ่งชี้ในทางการแพทย์ เรื่องอายุอยู่ด้วย ซึ่ง ซิโนแวค กำหนดไว้ว่าผู้ที่จะได้รับวัคซีน ต้องมีอายุระหว่าง 18-59 ปี ไม่สามารถฉีดในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือมากกว่า 59 ปีได้ เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยที่เพียงพอมารองรับ นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนด ไม่ให้ฉีดในหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่เคยแพ้วัคซีนมาก่อน
ดังนั้น การที่ “ลุงตู่” จะได้ฉีดวัคซีนหรือไม่ จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวเอง หรือการถืออภิสิทธิ์ว่าเป็นนายกฯ ต้องได้ฉีดก่อน อย่างที่ “โอ๊ค” พยายามสร้างกระแส บิดเบือนว่าตัดช่องน้อยแต่พอตัว เอาตัวเองรอดก่อน ทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง...
เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงก่อนหน้านี้ ที่ “โอ๊ค” ยังอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานกับคดี “ฟอกเงินกรุงไทย” ก็เก็บตัวเงียบ จะโผล่ให้เห็นก็เฉพาะตอนที่ไปขึ้นศาล แต่พอรอดพ้นมาได้ และอัยการไม่อุทธรณ์คดี ก็เริ่มกลับมา “ดีด” ให้เห็น
อย่างเช่น ช่วงโหมโรงก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันวาเลนไทน์ ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” โผล่ในอีเวนต์ของ “กลุ่มแคร์” โชว์โมเดลเศรษฐกิจ แก้จน ว่าผู้นำต้องรู้เท่าทันเศรษฐกิจในระบบทุนนิยม และที่สำคัญ บ้านเมืองต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
โอกาสนี้ “โอ๊ค” ก็ออกมาร่วมโหนกระแส โพสต์เฟซบุ๊กว่า...การที่คนเราเกิดมาจนนั้นไม่ใช่ความผิด แต่ถ้าเราตายทั้งที่ยังจน นั่นคือความผิดของเราที่ไม่พยายามดิ้นรนแก้ไขความจน แต่ถ้าเราไม่อยากตายทั้งที่ยังจน โดยพยายามที่จะต่อสู้ดิ้นรนแล้ว แต่ก็ยังตายทั้งที่จน นั่นคือ ความผิดของรัฐบาล...
หรืออย่างก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน “โอ๊ค” ก็โพสต์ว่า... ใครว่างช่วยเอาคุณพ่อผมออกจากหัวนายกฯตู่ทีครับ!!...ปล้นตำแหน่งนายกฯไทยจากน้องสาวพ่อมา 7 ปีแล้ว คุณพ่อผมไม่ได้กลับเมืองไทยมา 10 กว่าปีแล้ว ในหัวลุงยังมีแต่จ้องจะโจมตีทักษิณๆๆ อยู่นั่นแหละ ...
จึงมีคำถามว่า “โอ๊ค” ทำไมออกมาถี่ๆ หรือที่มีความฮึกเหิม เพราะมีคนรอบตัว “บิวต์” แสดงพลังออกหน้าเพื่อกรุยทางให้สมาชิกผู้ภักดีต่อ “ทักษิณ” ได้ห้อยโหนกันคนลืม
เรื่องนี้ผู้สันทัดกรณีมองว่าคน “บิวต์” คงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “เจ๊” คนเดิม เพิ่มเติมด้วยคณะที่เพิ่งลาจากพรรคเพื่อไทย ไขลานให้ “โอ๊ค” ออกมาเย้วๆ โดยที่ลืมไปว่า ช่วงมีชนักติดหลัง ฝ่ายพ่อมีสัญญาใจกับผู้ใหญ่ของฝ่ายการเมืองที่เรืองอำนาจใจปัจจุบัน
งานนี้ “ทักษิณ” ก็คงต้องเตือนๆ กันบ้าง “โอ๊ค” มันส์ปากเพราะแรงยุจากคนรอบข้าง “ดีด” แบบไม่ดูกาละ เทศะ ระวังจะกลายเป็นปลาหมอตายเพราะปาก!!