กลุ่มดาวฤกษ์อยู่ยาก ผู้ใหญ่-แกนนํา พปชร.ไม่แฮปปี้ หลังงดโหวต “ศักดิ์สยาม” สวนแนวทางพรรค พร้อมจี้ “มาดามเดียร์” ลาออกแสดงความรับผิดชอบ หวั่นสะเทือนสัมพันธ์ภูมิใจไทย จ่อใช้มาตรการแบนทุกกิจกรรมของพรรค
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า หลังจากที่ ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ 6 คน นำโดยนางวทันยา วงษ์โอภาสี หรือมาดามเดียร์ ไม่ปฏิบัติตามแนวทางของพรรคในเรื่องของการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดย “งดออกเสียง” ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ทั้งที่ก่อนการโหวต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้สมาชิกพรรคเข้าใจแนวทางของพรรคต่อการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจดังกล่าว ซึ่งไม่ได้หมายถึงการโหวตในส่วนของรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ แต่รวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อความเป็นเสถียรภาพของรัฐบาลในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจึงทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคและแกนนำพรรคเกิดความไม่สบายใจที่อาจก่อความขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทยได้
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแกนนำพรรคได้หารือร่วมกันแล้วเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวของกลุ่มดาวฤกษ์ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนขัดต่อแนวทางพรรค และถือว่าผิดมารยาทของพรรคร่วมรัฐบาลอีกด้วย ดังนั้น มาดามเดียร์ในฐานะแกนนำกลุ่มดาวฤกษ์ควรจะต้องทบทวนตัวเองด้วยการลาออกจากพรรคเพื่อไปทำกิจกรรมของกลุ่มตัวเอง ซึ่งวันนี้หัวหน้าพรรคย้ำเสมอว่า การทำงานหรือกิจกรรมใดๆ ต้องดำเนินการตามแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้สนับสนุนให้มีกลุ่มก๊วนที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกภายในพรรค และในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลเราต้องมีมารยาททางการเมืองต่อพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ทั้งนี้ กลุ่มดาวฤกษ์คงอยู่ยากในพรรคพลังประชารัฐ เพราะหลังจากนี้คงไม่เป็นที่ไว้วางใจต่อสมาชิกพรรคได้อีก ซึ่งคงไม่ไว้วางใจให้ทำกิจกรรมใดๆ ในพรรคได้อีก รวมไปถึงการเป็นกรรมาธิการแต่ละคณะด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลจากการหารือของแกนนำพรรคครั้งนี้จะนำไปสู่การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้เรียกประชุมโดยมีประเด็นเพื่อหามาตรการลงโทษ ส.ส.ที่ฝ่าฝืนแนวทางพรรคครั้งนี้ด้วย ทั้งหลายทั้งปวงเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจุดยืนของหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรค คือ การอยู่รวมกันด้วยความรัก ความสามัคคี มีความเป็นเอกภาพและมีเสถียรภาพของการเป็นรัฐบาลผสม ไม่ใช่อยู่กันแบบหวาดระแวงหรือไม่ไว้ใจกัน