xs
xsm
sm
md
lg

ดับฝัน “ล้มเจ้า”! “ไตรรงค์” ชี้ ไทยไม่มีเงื่อนไข ปชช.ลุกฮือ “หมอวรงค์” ท้า “พิธา” ดีเบต 112 “3 นิ้ว” ปัดขนระเบิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ม็อบคณะราษฎร 2563 แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการปฏิรูปสถาบัน จากแฟ้ม
ฟังเอาไว้! “ไตรรงค์” ดับฝัน “ล้มเจ้า” ชี้ “สงครามประชาชนไม่เคยเกิดขึ้นโดยการจ้างวาน” เหน็บเจ็บ หรือแค่หาเงินใช้? “หมอวรงค์” เอาจริง ท้า “พิธา” ดีเบต “112” กล้ามั้ย แกนนำ 3 นิ้วดิ้น ปัดพัลวัน ข่าวขนระเบิดก่อความรุนแรง

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (20 ก.พ. 64) ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

“#สงครามประชาชนไม่เคยเกิดขึ้นโดยการจ้างวาน

(1) คนรุ่นใหม่ที่เดินขบวนเฉพาะกลุ่มที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อล้มเจ้า อยากสถาปนาระบบประธานาธิบดีขึ้นในประเทศไทย ตามความต้องการของผู้ที่จ่ายเงินสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง (ทั้งที่เป็นคนไทยและฝรั่ง) ควรจะสำเหนียกไว้ด้วยว่า การจะพลิกฟ้าพลิกดินเช่นนั้นได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนส่วนใหญ่ที่เรียกกันว่า การปฏิวัติโดยประชาชน อย่างที่เคยเกิดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย ในสมัยเลนิน (Lenin) เคยเกิดขึ้นในประเทศจีน ในสมัยซุนยัดเซ็น และอีกครั้งในสมัยเมาเซตุง หรือที่เคยเกิดขึ้นในคิวบา สมัยฟีเดลคาสโตร และที่เคยเกิดขึ้นในฝรั่งเศสสมัยการปฏิวัติใหญ่ใน ค.ศ. 1789

ภาพ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี จากแฟ้ม
แต่ลองคิดเปรียบเทียบดูเถิดว่า มันมีสถาบันใดในประเทศไทยที่มีพฤติกรรมเลวร้ายมากจนถึงกับทำให้ประชาชนทั้งประเทศลุกฮือขึ้นก่อสงครามประชาชนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ดังกล่าวข้างต้นหรือไม่

แน่นอน ความบกพร่องไม่สวยงามในทุกสถาบันของชาติย่อมมี เพราะเป็นเรื่องของคน ไม่ว่าจะเป็นสถาบันในทางศาสนาหรือสถาบันที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา เราทุกคนทั้งคนในและนอกสถาบันต่างๆ จึงต้องมีหน้าที่ช่วยกันปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ทุกสถาบันคงสามารถอยู่เป็นหลักอย่างมั่นคงเพื่อประโยชน์ในการรักษาความเป็นเอกภาพ ความเป็นชาติ และความเป็นเอกราชมีอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ของตนเองต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

(2) เหตุแห่งการเกิดปฏิวัติประชาชนดังกล่าวในประเทศอื่นๆ มันยังไม่มีในประเทศไทย ใช่หรือไม่? แล้วพวกเราเดินขบวน ดิ้นรน ก่อกวน ต่อสู้ไปเพื่ออะไร โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศมีภัยจากโรคภัยไข้เจ็บและเศรษฐกิจของโลกตกต่ำอย่างสาหัสในขณะนี้ ตัวรัฐบาลเองก็มาโดยชอบของรัฐธรรมนูญ (มันจะผิดจะถูกมันก็เป็นกฎหมายที่ทุกคนต้องเคารพตามหลัก Legal Positivism) และตัวรัฐบาลเองก็ยังไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่ามีลักษณะเป็นเผด็จการรัฐสภา (ตามทฤษฎีรูปแบบของ Totalitarianism)

กล่าวคือ ไม่เคยเสนอกฎหมายหรือนโยบายอะไรที่เพื่อให้เกิดการโกงกินคอร์รัปชันกันระหว่างผู้มีอำนาจและเครือญาติ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ยังเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่ยังให้เกียรติใช้ความอดทนสูงในการรับฟังเสียงติติงของฝ่ายค้านที่บางครั้งก็หยาบคายก้าวร้าวที่เหมาะจะใช้บนเวทีนอกรัฐสภาเท่านั้น และก็ยังเป็นรัฐบาลที่ยังไม่แสดงอะไรให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงเกินเหตุกับ mob ของประชาชนที่ใช้สิทธิชุมนุมนอกสภา มีแต่ใช้หลักนิติธรรมกับผู้ทำผิดกฎหมายในทุกกรณีเท่านั้น

นอกเสียจากว่า ถ้ามันเป็นเพียงอาชีพเพราะเป็นหนทางได้เงินเพื่อเลี้ยงชีพไปวันๆ ดีกว่าตกงานก็ทำไปเถิด ผมไม่ว่าอะไรหรอก เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเสี่ยงอนาคตเอาเองก็แล้วกัน เพราะเงินทุนสามานย์ทั้งจากคนไทยสามานย์และจากฝรั่งสามานย์มันยังมีอีกมากมายมหาศาล พวกเขาคงจ้างให้เกิดการก่อกวนความสงบของประเทศไทยได้อีกหลายสิบปี คนไทยส่วนใหญ่จึงต้องเข้าใจและเตรียมใจไว้อดทนกับมัน เพราะเราเลือกเกิดใหม่ไม่ได้อีกแล้วครับ”

ภาพ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หรือ “หมอวรงค์” ประธานกลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความและคลิป ระบุว่า

“#save112
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวในสภาว่า ส่วนตัวไม่เชื่อการใช้มาตรา 112 พร่ำเพรื่อจะเป็นผลดีต่อสถาบัน และ ถ้าเป็นนายกฯ จะสร้างพื้นที่ปลอดภัย ให้พูดเรื่องนี้

สิ่งที่ต้องบอกคุณพิธา ว่า การด่าสถาบันพร่ำเพรื่อ ก็ไม่เป็นผลดีใดๆ ต่อพวกคุณ คุณแน่ใจหรือว่า การที่พวกคุณอ้างเรื่องพื้นที่ปลอดภัยให้พูดเรื่องสถาบันนั้น หรือแม้ข้ออ้างปฏิรูปสถาบัน คุณมีความบริสุทธิ์ใจต่อสถาบันจริงๆ

เพราะกิริยาต่างๆ มันฟ้อง ส่วนข้อเสนอแก้ไข ยกเลิกมาตรา 112 ที่พวกคุณเสนอ สาระก็เพียงแค่ต้องการให้ลดความรับผิดลง ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น นอกจากเป้าหมาย ด่าเจ้า ลดโทษและล้างความผิดให้พรรคพวกเท่านั้น

ไหนๆ ทางสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขามีแผนจะจัดดีเบต เรื่อง มาตรา 112 ในค่ำวันที่ 3 มีนาคมนี้ ในฐานะที่คุณเป็นผู้นำการยกเลิกและแก้ไขมาตรา 112 นี้ คุณพิธาคงไม่ปฏิเสธที่จะไปร่วมนะครับ

#ปกป้องสถาบันสร้างสรรค์การเมืองคุณธรรม

#ไทยภักดี”

ภาพ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ “โตโต้”  จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวจัดม็อบวันนี้ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ “โตโต้” หัวหน้าการ์ดวีโว่ เปิดเผยว่า ในการชุมนุมวันนี้ ไม่น่าจะมีเหตุอะไร ถ้าไม่มีใครมาก่อกวน จะเป็นการปราศรัยเรียบๆ ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม น่าจะจบไม่เกิน 20.30-21.00 น.

วันนี้ วีโว่ได้จัดการดูแลรักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน รวมกับกลุ่มการ์ดอื่นอีกประมาณ 300 คน โดยทั้งหมดใช้ผ้าพันคอสีเหลืองดูแลทั้งรอบใน และรอบนอก ข่าวการเตรียมระเบิดปิงปองเพื่อสร้างสถานการณ์นั้น เป็นข่าวป่วนมากกว่า

ภาพ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” จากแฟ้ม
เช่นเดียวกับ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” แกนนำม็อบคณะราษฎร 2563 โพสต์ผ่านเฟชบุ๊ก ระบุว่า

“ด่วน! มีคนปล่อยข่าวเท็จว่า แนวร่วม มธ. และ We Volunteers จะนำระเบิดปิงปองมา 40 ลูก เพื่อสร้างภาพความรุนแรงในม็อบ

เราขอยืนยันตรงนี้ว่า ไม่จริง และไม่มีทางเป็นไปได้ พวกเราไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ และเรายึดถือแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด
และขอความร่วมมือจากทุกคนมา ณ ที่นี้ว่า รบกวนไม่พก/นำอาวุธทุกชนิดมาที่ม็อบอย่างเด็ดขาดนะคะ เราต้องการสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อกัน หาใช่การรบกันไม่

และขอให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตา และคอยห้ามปรามกันด้วย หากมีใครที่พยายามจะสร้างความรุนแรงในม็อบนะคะ ขอบคุณทุกคนในความร่วมมือ และมาพบกัน ที่หน้ารัฐสภา 15.00 น. วันนี้ค่ะ”

รวมทั้ง จากกรณี นายสมบัติ ทองย้อย การ์ดคนเสื้อแดง และแนวร่วมกลุ่ม “ราษฎร” วิพากษ์วิจารณ์การชุมนุมของม็อบสามนิ้ว ที่ใช้ความรุนแรงโดยเฉพาะการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา

วันนี้ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก โพสต์ข้อความถึง นายสมบัติ ว่า “อยากเห็นพี่สมบัติ จัดม็อบครับ อยากรู้ว่า ทำได้แบบที่พูดไหม”

แน่นอน, ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นการต่อสู้ระหว่างฝ่าย “ไม่เอาเจ้า” ต้องการยกเลิก ม.112 ที่ว่าด้วยเรื่องหมิ่นสถาบัน ผ่านวาทกรรม “ปฏิรูปสถาบัน” ทั้งที่ข้อเรียกร้อง 10 ข้อ เห็นชัดว่า ลดบทบาทสถาบันจนคนไทยยากจะรับได้
กับฝ่ายที่ไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการไม่เอาสถาบัน และปฏิรูปสถาบัน รวมทั้งยังคงเห็นว่า ม.112 จำเป็นต้องคงไว้ เพื่อปกป้องพระเกียรติยศพระมหากษัตริย์ไทยในฐานะประมุขของประเทศ

ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด!!!

ทั้งที่ถ้าอาศัยความเป็นเหตุเป็นผล อย่างที่ ดร.ไตรรงค์ ให้เอาไว้อย่างชัดแจ้ง ชัดเจนว่า การหยิบยกเรื่องสถาบันมาทำการปฏิวัติโดยประชาชน หรือ พูดง่ายๆ ว่า ปลุกปั่นให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาเห็นด้วยนั้น มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ ยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

เรื่องนี้ แม้แต่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการ “ล้มเจ้า” ลี้ภัยในฝรั่งเศส ก็ออกมายอมรับแล้ว ซึ่งก็สอดคล้องกัน

อีกอย่าง เกี่ยวกับ ม.112 ที่ “หมอวรงค์” ออกปากท้าทาย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็แสดงเหตุผลเอาไว้อย่างน่ารับฟังเช่นกัน กรณีร่างแก้ไข ม.112 ที่เพียงลดโทษผู้ทำผิด เหมือน “จงใจ” ให้ผู้คนด่าเจ้าได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเกรงกลัว หรือไม่ เพราะอย่าว่าแต่ลดโทษเลย แม้ยังมีโทษสูง แกนนำคณะราษฎร ยังไม่กลัวเกรงแม้แต่น้อย รวมทั้งกลุ่มผู้ลี้ภัยในต่างประเทศ ที่ด่าเจ้ารายวัน ก็ยังคงลอยนวลไม่มีความผิด ลองคิดดูให้ดี

ประเด็น จึงอยู่ที่ว่า เหตุใด จึงมีคนบางส่วนในประเทศไทย หักหาญความศรัทธาของคนไทยส่วนใหญ่ ด้วยการอ้างว่า ถ้า “ปฏิรูปสถาบัน” จะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ทั้งที่คนไทยส่วนใหญ่ เชื่อว่า เพราะมีสถาบันต่างหาก ที่ทำให้ประเทศดีขึ้น กระนั้นพวกเขาก็ไม่ฟัง พวกเขายังดันทุรังต่อสู้ นั่นหมายถึง สู้กับศรัทธาของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ใช่หรือไม่

เหนืออื่นใด รู้ทั้งรู้ว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย หรือ ดับฝันที่จะปลุกปั่นให้เกิดการลุกฮือของประชาชน เพราะเงื่อนไขเดียว อย่างที่ “สมศักดิ์ เจียม” ว่า คือ คนไทยจำนวนมากมายมหาศาล ยังมีความจงรักภักดี แล้วทำไมยังไม่ยอมหยุด หรือ หันไปสร้างสรรค์บทบาทที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่านี้ และยอมรับฟังเสียงคนส่วนใหญ่ของประเทศ ตามระบอบประชาธิปไตย ที่อ้างนักอ้างหนา เวลาพูดเอาดีใส่ตัว

นี่คือ สิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่สงสัย และต้องการคำตอบที่ชัดเจน และมีเหตุมีผลที่ฟังแล้วน่าเชื่อถือ มากกว่าการสร้างวาทกรรมบิดเบือน ขึ้นมาอธิบาย และขายฝัน “รัฐในอุดมคติ” อย่างที่นักวิชาการ “ล้มเจ้า” บางคน บางกลุ่ม ทำมาตลอด

เพราะอย่าลืม การปฏิวัติในหนังสือที่อ้างอิงประวัติศาสตร์ กับความจริงของประเทศไทย มันคนละเรื่อง ตื่นได้แล้ว!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น