“แรมโบ้” ยืนยันแจ้งความดำเนินคดี “อมรัตน์” ทำถูกต้องแล้ว ซัดกลับหัวเราะในสภาระหว่างนายกฯชี้แจง อาจเพราะติดนิสัยหลบหลังม็อบ 3 นิ้วมา หากทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาไม่ได้ขอให้ลาออกไป อย่าอยู่กินเงินภาษีของประชาชนเลย
วันนี้ (19 ก.พ.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้าแจ้งความดำเนินคดีในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อ น.ส.อมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใคร แต่ น.ส.อมรัตน์มีพฤติกรรมที่มีความผิดและเข้าข่ายในการทำผิดกฎหมาย จึงต้องเข้าแจ้งความเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ส่วนพฤติกรรม น.ส.อมรัตน์ ในสภาระหว่างที่นายกฯ ชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวานนี้ ตนเองมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไร้มารยาท นั่งหัวเราะเสียงดังในสภา หากไม่สนใจที่จะอภิปรายฯ หรือฟังบุคคลอื่นในการชี้แจง อยากจะพูดคุยหัวเราะเสียงดังก็ขอให้ออกจากห้องประชุมสภาไป อย่าอยากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกเลยเพราะไม่เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ยังจะทำให้มองได้ว่าพฤติกรรมแบบนี้ของ น.ส.อมรัตน์ และ ส.ส.ก้าวไกล อยากใช้เวทีนี้เพื่อตำหนิ หรือด่าทอ เหน็บแหนมคนอื่นมากกว่าที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจให้อยู่ในประเด็น
นายสุภรณ์ยังระบุว่า เข้าใจว่าที่นา น.ส.อมรัตน์มีพฤติกรรมเช่นนี้ อาจเป็นเพราะชอบอยู่กับม็อบ 3 นิ้วที่ชอบพูดจาหยาบคาย ไม่มีวุฒิภาวะหรือเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุมากแล้ว อีกทั้งยังมองว่าหาก น.ส.อมรัตน์แค่ทำหน้าที่ ส.ส.ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนเองได้ไม่สมบูรณ์ ไม่ช่วยเหลือประชาชน ก็ขอให้ลาออกไปแล้วไปอยู่กับกลุ่มม็อบเลยจะดีกว่า อย่ามากินเงินภาษีของประชาชนอีกเลย
“น.ส.อมรัตน์ ไม่ให้เกียรตินายกฯ รัฐมนตรี หรือแม้กระทั่งประธานสภา นายชวน หลีกภัยเลย จนนายชวนต้องออกมาพูดว่าคุมความสงบเรียบร้อยทำได้ แต่คุมมารยาทเป็นเรื่องที่ยาก นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพฤติกรรมและมารยาทของ น.ส.อมรัตน์เป็นเช่นไร”
ทั้งนี้ ตนเองยังมองว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ต้องไปพาดพิงนายกฯ ในการแจ้งความดำเนินคดีต่อ น.ส.อมรัตน์ เพราะนายกฯ ไม่ได้เป็นผู้สั่งการเรื่องนี้ แต่ตนเองในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมวอร์รูมของรัฐบาล ได้คุยกับทีมกฎหมายแล้วจึงดำเนินการเองและมองว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะทนไม่ได้กับพฤติกรรม ส.ส.คนนี้ที่ทั้งไร้มารยาท หยาบคาย ดูหมิ่นคนอื่น จาบจ้วงสถาบันฯ ซึ่งนายพิธาก็รู้อยู่แก่ใจ และเรื่องนี้ตนเองก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดด้วย เพราะคนแบบนี้ไม่สมควรให้ทำหน้าที่อันทรงเกียรติในสภา และจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างให้แก่คนอื่นอีกต่อไป
“ไปตามดูเฟซบุ๊กของ ส.ส.คนนี้ได้ว่าหลังการอภิปรายและก่อนการอภิปรายมีพฤติกรรมก้าวล่วงจาบจ้วงอย่างไร มีพฤติกรรมให้การสนับสนุนสมคบร่วมคิดให้คนออกมาชุมนุมก้าวล่วงจาบจ้วงทำผิดกฎหมาย มาตรา 112 ตลอดมา คงอยากเดินเข้าคุกไปอยู่กับแกนนำม็อบที่เจ้าตัวสนับสนุนอยู่ ยืนยันว่าไม่มีใครไปกลั่นแกล้ง น.ส.อมรัตน์ทั้งสิ้นแต่เป็นเพราะปากและสมองที่คิดร้ายต่อสถาบันฯ มากกว่า เมื่อไม่เลือกเส้นทางเข้าสู่สภาอันทรงเกียรติ แต่จะเลือกเส้นทางไปกินข้าวแดงในคุก ก็คงไม่มีใครห้ามและช่วยน น.ส.อมรัตน์ได้” นายสุภรณ์กล่าว