“สุภรณ์” ไม่เชื่อ “พิธา-ก้าวไกล” ยื่นแก้ ม.112 ทำเพื่อสถาบันอย่างแท้จริง สวนทำเพื่อตัวเองที่อยากจาบจ้วงสถาบันโดยไม่มีความผิด พร้อมระบุอาจมี ปชช.ทุก จว.รวมตัวกันยื่นหนังสือไม่เห็นด้วย เตือนดื้อด้านอยากแก้ กม. หมดอนาคตทางการเมืองแน่นอน
วันนี้ (11 ก.พ.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำ 44 ส.ส. ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอแก้ไขกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก 5 ฉบับ ซึ่งรวมถึงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ห้ามหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย นายสุภรณ์ ไม่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลแท้จริงแล้วที่ไปยื่นแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะทำเพื่อสถาบันอย่างแท้จริง แต่ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองที่อยากจะกระทำการจาบจ้วงสถาบันโดยไม่อยากมีความผิดมากกว่า
ทั้งนี้ ตนเองยังยืนยันว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของใคร ยกเว้นแต่ใครที่กระทำที่ส่อเจตนาดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ ดังนั้น จะต้องแก้ตั้งแต่ต้นทาง คือ ต้องไม่กระทำการจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบัน แต่ไม่ใช่มาขอแก้กฎหมายมาตรา 112
นายสุภรณ์ ยังขอสนับสนุน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมกลุ่มประชาชน เข้ายื่นรายชื่อประชาชน จำนวน 101,568 ชื่อ เพื่อคัดค้านการแก้ไขประมวลกฎหมาย มาตรา 112 ต่อ สภาฯ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และแสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 พร้อมกันนี้ยังขอชื่นชม ส.ส.พรรคก้าวไกล 9 คน ที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง รู้ว่าอะไรสมควรทำหรือไม่สมควรทำ
“อยากขอเตือนพรรคก้าวไกลว่าการยื่นแก้ไขมาตรา 112 ยังมีประชาชนอีกมากมายทั่วประเทศที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งหากยังดื้อด้านที่จะแก้กฎหมายมาตรา 112 อาจทำให้เกิดความขัดแย้งได้ เพราะประชาชนจะไม่พอใจกับพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล และยังมองว่า อาจจะกระทบกับอนาคตทางการเมืองของพรรคก้าวไกลอีก ที่ไปลงพื้นที่หาเสียงที่พื้นที่ใดถูกประชาชนโห่ไล่ เหมือนนายธนาธร ลูกพี่เก่า จนไม่ได้เก้าอี้นายก อบจ.แม้แต่จังหวัดเดียว เช่นเดียวกันกับพรรคก้าวไกลที่อาจไม่ได้ ส.ส.แม้แต่จังหวัดเดียว
ตนยังได้ข่าวมาว่า มีพี่น้องประชาชนที่จงรักภักดีและปกป้องสถาบัน ทุกจังหวัดทั่วประเทศกำลังจะมีการรวมตัวกันไปยื่นหนังสือคัดค้านการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล และจะมีการชุมนุมเกิดขึ้น สัญญาณนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย นักการเมืองหรือพรรคการเมืองหน้าไหนที่กล้าลงชื่อหรือยกมือสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 เท่ากับคิดร้ายต่อสถาบัน ประชาชนจะลงโทษไม่ให้ผุดให้เกิดทางการเมืองอย่างแน่นอน”